วันที่ 28 ต.ค. 66 ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตรองผู้ว่าฯ กทม. โพสต์เฟซบุ๊ก “ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ – Dr.Samart Ratchapolsitte” โดยระบุข้อความว่า อ่วม ! 20 บาทตลอดสาย ฉุดรายได้รถไฟฟ้า “แดง-ม่วง” วูบ 20 บาทตลอดสาย เริ่มใช้กับรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีม่วงมาตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 ต.ค. 2566 ก่อนหน้านี้ผมได้เสนอผลหลังจากใช้นโยบายนี้เป็นเวลา 1 สัปดาห์ ปรากฏว่าผู้โดยสารรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย เพิ่มขึ้นรวมกัน 5.6% หลายคนอยากรู้ว่ารายได้จากค่าโดยสารจะลดลงเท่าไหร่ ?
1. การประเมินผลใน 1 สัปดาห์
1.1 ระยะเวลา 1 สัปดาห์ ก่อนเก็บ 20 บาทตลอดสาย
เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 9 ต.ค. 2566 ถึงวันอาทิตย์ที่ 15 ต.ค. 2566 ยกเว้นวันศุกร์ที่ 13 ต.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันหยุด ไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับวันศุกร์ที่ 20 ต.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันทำงานได้
1.2 ระยะเวลา 1 สัปดาห์ หลังเก็บ 20 บาทตลอดสาย
เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ที่ 16 ต.ค. 2566 ถึงวันอาทิตย์ที่ 22 ต.ค. 2566 ยกเว้นวันศุกร์ที่ 20 ต.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันทำงาน ไม่สามารถนำไปเปรียบเทียบกับวันศุกร์ที่ 13 ต.ค. 2566 ซึ่งเป็นวันหยุดได้
2. รายได้รถไฟฟ้า 1 สัปดาห์ ก่อนและหลังเก็บ 20 บาทตลอดสาย
2.1 รายได้รถไฟฟ้าสายสีแดง
รถไฟฟ้าสายสีแดงก่อนเก็บ 20 บาทตลอดสาย 1 สัปดาห์ มีรายได้เฉลี่ยวันละ 0.65 ล้านบาท และหลังเก็บ 20 บาทตลอดสาย เฉลี่ยวันละ 0.5 ล้านบาท นั่นคือรายได้ลดลงเฉลี่ยวันละ 0.15 ล้านบาท คิดเป็น 23%
การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จ้างบริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ให้เดินรถไฟฟ้าสายสีแดงพร้อมทั้งซ่อมบำรุงรักษาเฉลี่ยวันละ 1.31 ล้านบาท ดังนั้น ก่อนเก็บ 20 บาทตลอดสาย รฟท. ขาดทุนเฉลี่ยวันละ 0.66 ล้านบาท และหลังเก็บ 20 บาทตลอดสาย ขาดทุนเฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็นวันละ 0.81 ล้านบาท