พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.ก. กล่าวถึงความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ พร้อมพวก รวม 7 นาย ซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิตคาโรงพักว่า ขณะนี้ได้รับคำสั่งจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้มีการโอนสำนวนคดีดังกล่าว มาอยู่ในความรับผิดชอบของ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) วันนี้ ( 30 ส.ค.) จึงได้มีการเรียกประชุมพนักงานสอบสวนกองปราบปราม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแบ่งหน้าที่ความรับผิดชอบ
พล.ต.ต.จิรภพ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นได้แบ่งการทำงานออกเป็น 2 เรื่อง คือเรื่องการซ้อมทรมานผู้ต้องหาจนเป็นเหตุถึงแก่ความตาย ส่วนนี้จะเป็นทางกองปราบปรามเป็นผู้รับผิดชอบ และเรื่องการตรวจสอบเส้นทางการเงิน และที่ไปที่มาทรัพย์สินต่าง ๆ ของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ในส่วนนี้จะให้ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) เป็นผู้ดำเนินการ
ขณะที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. กล่าวว่า ขณะนี้ กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ก็ได้รับการประสานจาก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ให้เช้ามาช่วยในการตรวจสอบคดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เนื่องจากเป็นความผิดที่เกี่ยวข้องกับประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” ซึ่งหลัก ๆ จะดูในเรื่องเกี่ยวกับการตรวจสอบกรณีรถหรูที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ นำเข้ารถจากมาเลเซีย และปั้นคดีว่าเป็นการจับรถ ก่อนส่งต่อกรมศุลกากรนำไปขายทอดตลาดจนได้เงินรางวัลนำจับ แล้วให้พรรคพวกในกลุ่มผู้ประกอบการจำหน่ายรถหรู มาประมูลช้อนซื้ออีกที เพื่อนำไปขายต่อเก็งกำไร เพื่อดูว่านำเข้ารถเหล่านี้มาได้อย่างไร และมีใครเกี่ยวข้องกับขบวนดังกล่าวบ้าง
อย่างไรก็ตามมีรายงานแจ้งว่า กรณีการตรวจสอบที่ไปที่มาของปมทุจริตจับรถหรู มีการตั้งข้อสังเกตว่า เพราะเหตุใด พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ถึงสามารถปั้นคดีจับรถหรูส่งให้กับทางกรมศุลกากร ได้ถึงกว่า 300 คัน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบให้แน่ชัดว่า มีเจ้าหน้าที่ของกรมศุลกากร เข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ซึ่งจะมีการย้อนตรวจสอบอย่างละเอียด ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ก็จะมีการเชิญตัวเจ้าหน้าที่เหล่านี้มาสอบปากคำดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป