วันที่ 3 พ.ย.66 นายเชิดชาย ปิติวัชรากุล กรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรือ อีสท์ วอเตอร์ (EASTW) พร้อมด้วย นายสมบัติ อยู่สามารถ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและบัญชี EASTW แถลงผลการดำเนินงานในปี 2566 ทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2567 และตอบข้อสงสัยในประเด็นคำถามต่างๆ ที่เกิดขึ้น
นายเชิดชาย เปิดเผยว่า ปี 2566 มีการลงนามสัญญาซื้อขายน้ำดิบ 2 โครงการ กับ บริษัท ซีจี คอร์เปอเรชั่น จำกัด ในโครงการนิคมอุตสาหกรรมซีพีจีซี (CPGC) จ.ระยอง และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อใช้ในพื้นที่โครงการวังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง รวมถึงลงนามสัญญาซื้อขายน้ำอุตสาหกรรม 2 โครงการ กับบริษัท ซิน เคอ หยวน จำกัด ผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ในจ.ระยอง และ บริษัท อมตะ วอเตอร์ จำกัด ให้บริการน้ำอุตสาหกรรมแก่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ระยอง 2
และในปี 67 จะเซ็นสัญญาลูกค้าภาคอุตสาหกรรมใหม่เข้ามาในเดือนมี.ค.-เม.ย.67 คาดว่าจะเริ่ม COD ในไตรมาส 1/67 ซึ่งจะทำให้สัดส่วนรายได้จากการขายน้ำอุตสาหกรรมเพิ่มเป็น 5% ของรายได้รวมที่มีรายได้ปีละ 4,000 ล้านบาท จากปีนี้อยู่ที่ 3% พร้อมคาดรายได้เติบโตต่อเนื่อง โดยจะมาจากปริมาณการขายน้ำรวมที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นราว 5% จากปีนี้ที่คาดว่าจะทำได้ 230 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับงบลงทุน 2 ปี (67-68) ตั้งเป้ารวม 3,000 ล้านบาท เพื่อลงทุนโครงการต่อเนื่อง ในโครงการน้ำดิบและน้ำอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ยังมองหาโอกาสลงทุนนอกพื้นที่ EEC อีกด้วย
นายเชิดชาย ระบุถึงการออกหุ้นกู้ EASTW เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2566 ได้เสนอขายหุ้นกู้ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ ขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนรายใหญ่ มูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท ซึ่งได้รับการตอบรับดี จึงเตรียมออกหุ้นกู้ชุดใหม่ เพื่อจะนำไปใช้ในโครงการระบบท่อส่งน้ำ ธุรกิจน้ำดิบ และธุรกิจน้ำอุตสาหกรรม
ด้านนายสมบัติ อยู่สามารถ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและบัญชี EASTW ระบุว่า ปี 2566 บริษัทได้ระดมทุนผ่านการออกหุ้นกู้ไปแล้ว 4,450 ล้านบาท โดยมีการเสนอขายหุ้นกู้ไปเมื่อต้นปีที่ 1,550 ล้านบาท และล่าสุดเมื่อเดือนตุลาคม อีก 2,900 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้การออกหุ้นกู้ยังอยู่ภายใต้กรอบวงเงิน 16,000 ล้านบาท ที่ คณะกรรมการฯ ได้นำเสนอผู้ถือหุ้นในการออกหุ้นกู้ โดยในปีนี้ เมื่อบริษัทออกหุ้นกู้ไปแล้ว 4,450 ล้านบาท รวมดอกเบี้ยจะอยู่ที่ 7-8 พันล้านบาท จึงยังมีกรอบที่ผู้ถือหุ้นได้อนุมัติไว้อีกประมาณ 8 พันล้านบาท และได้รับความเชื่อมั่นจากกระเเสตอบรับที่ดี