หลังจากที่วานนี้ (30 ส.ค.) นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานวิปรัฐบาล เชิญประชุมสมาชิกและแกนนำส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อนัดแนะแนวทางการรับมือศึกซักฟอกอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน ที่จะมีขึ้นในวันนี้ โดยไร้เงา บิ๊กป้อม หัวหน้าพรรค พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และเลขาธิการพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และการประชุมซักซ้อมความเข้าใจแนวทางการรับมือซักฟอกที่จัดขึ้นใช้เวลาเพียง 15 นาทีเท่านั้น รวดเร็วปานสายฟ้าแลบสร้างความงุนงงให้กับสื่อมวลชนที่มารอติดตามทำข่าวเป็นอย่างมาก
ซึ่งเมื่อมาไล่เรียงจับสัญญาณจากบรรดาแกนนำพปชร.แล้วพบว่า มีการวัดกำลังกันภายในพปชร.จริง ตั้งแต่กระแสข่าว ว่ามีการเดินหน้าล็อบบี้ให้ส.ส.พปชร.รวมถึงพรรคร่วมรัฐบาลโหวตไม่ไว้วางใจ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน หรือ ทำให้คะแนนไว้วางใจได้น้อยที่สุด เพื่อเป็นแรงกดดันทางอ้อมให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ให้มีการปรับครม.หลังศึกซักฟอกจบ ซึ่งกลุ่มที่ถูกจับตามองไม่ใช่กลุ่มสามมิตร แต่เป็น กลุ่ม 4 ช. 4 รัฐมนตรีช่วยคนเดิม
ทั้งนี้แม้จะได้ตำแหน่งเลขาพรรคพปชร.แล้วก็ตามแต่ แต่แหล่งข่าวระดับสูงในพปชร.กระซิบมาว่า ร.อ.ธรรมนัส ยังไม่หมดหวัง ที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลงปรับครม.ในเร็วๆ นี้ ทั้งกระแสข่าวว่า จะสลับขึ้นมาแทนนายสุชาติเป็นรัฐมนตรีแรงงาน หรืออาจมีการสลับเก้าอี้รัฐมนตรีกับพรรคประชาธิปัตย์ ขึ้นเป็นรมว.เกษตรฯก็ตาม ซึ่งกระแสข่าวลือต่าง ๆ ที่ออกมาในช่วงก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ มีความเป็นไปได้ถึงความพยายาม ของ ร.อ.ธรรมนัส ที่ต้องการก้าวขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการให้ได้ หลังรอเก้อมาแล้วหลายรอบ ก่อนที่เวลาของรัฐบาลชุดนี้ อีกแค่1ปีครึ่ง จะหมดเทอมลงไป
โดยนายสันติ พร้อมพัฒน์ 1 ใน 4 ช. รัฐมนตรีช่วย ยอมรับว่าไม่กล้าพูดถึงเรื่องการสลับเก้าอี้ ร.อ.ธรรมนัส กับ นายสุชาติ เพราะการปรับครม.เป็นดุลยพินิจของนายกฯ ว่าอันไหนควรปรับไม่ปรับ คนไหนเหมาะหรือไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นการสงวนท่าทีอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่ปฏิเสธ จนท้ายที่สุด บิ๊กป้อม พลเอกประวิตร ต้องมาห้ามทัพ ข่าวลือต่าง ๆ ที่ออกมา ทำให้ทั้งนายวิรีช และร.อ.ธรรมนัส ต่างประสานเสียงว่า แค่ข่าวลือไม่มีอะไร ในกอไผ่บิ๊กป้มจึงต้องกำชับ ย้ำว่า อย่าแจกกล้วยพรรคเล็ก และให้โหวตไปในทางเดียวกัน เท่ากันทุกคน ทุกพรรค เป็นอันจบสยบทุกข่าวลือ
แต่ถึงกระนั้น ยังต้องจับตาในวันที่ 4 ก.ย.นี้ซึ่งเป็นวันชี้ชะตา ลงมติว่าคะแนนของนายกฯ ที่แน่นอนว่าจะผ่านฉลุยไม่มีพลิกโผ แต่ในส่วนของ 2 รัฐมนตรีพปชร. 2 รัฐมนตรีภูมิใจไทยและอีก1 รัฐมนตรีประชาธิปัตย์นั้น คะแนนโหวตจะออกมาเป็นอย่างไร และหลังจากจบศึกซักฟอกแล้ว พลเอกประยุทธ์ จะตัดสินใจปรับครม.ตามมาติด ๆ เพื่อกอบกู้ทั้งวิกฤตโควิด และวิกฤตการเมืองด้วยหรือไม่นั้น ต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด