จากกรณีที่นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวขับนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. ออกจากพรรค ได้เปิดโอกาสสื่อมวลชนถามตอบประเด็นคดี ส.ส.คุกคามทางเพศ ทั้ง 2 กรณีที่เป็นข่าว
เมื่อถามว่า กรรมาธิการการ (กมธ.) การอุตสาหกรรม สภาผู้แทนราษฎร จะรับลูกเชิญนายวุฒิพงศ์ เข้าไปให้ข้อมูล นายชัยธวัช ตอบทันทีว่า “ก็ดีเลยครับ” ตนก็อยากให้จริงจัง เพราะเครือข่ายผลประโยชน์ในการหากินกับบ่อขยะ รวมถึงขยะในอุตสาหกรรม มลพิษต่างๆ ในพื้นที่ภาคตะวันออก เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลและนักการเมืองบ้านใหญ่เต็มไปหมด ตนยินดีด้วยซ้ำ หากทาง กมธ.มาช่วยสอบสวน แล้วคนของพรรคก้าวไกลผิดจริง ตนยิ่งขอบคุณ และอย่าหยุดแค่นั้น ต้องสอบไปดูว่านักการเมืองบ้านใหญ่ มีใครที่เกี่ยวข้องกับบริษัทพวกนี้ และเป็นเหตุผลสำคัญที่ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ชาวปราจีนบุรีเขต 2 เลือกคนของพรรคก้าวไกล
“ผมต้องยอมรับว่า คุณแจ้ เป็น ส.ส.คนหนึ่ง ที่ทำงานเรื่องมลพิษอย่างแข็งขัน แต่เราต้องแยกออกจากกัน แม้คุณแจ้จะต่อสู้อย่างเต็มที่เรื่องสิ่งแวดล้อมให้กับชาวบ้าน มันไม่ได้ไปลบล้างอีกเรื่องหนึ่ง แม้กระทำผิดจะต้องไม่ได้รับโทษ ผมมองว่าต้องแยกออกจากกัน” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อถามว่า นายวุฒิพงศ์ กล่าวหาว่า พรรคก้าวไกลใช้วิธีพวกลากมากไป จะเกิดเหตุการณ์พวกลากมากไปหรือไม่ นายชัยธวัช ย้ำว่า ไม่มีอย่างแน่นอน กรณีของ นายวุฒิพงศ์ ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค พิจารณาจากข้อเท็จจริงที่เป็นข้อยุติ ซึ่งในการประชุมก่อนหน้านี้ แม้ว่า ส.ส.ในพรรค เห็นว่า ทั้ง 2 กรณีมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศ และผิดวินัยขั้นร้ายแรงของพรรคจริง เพียงแต่มีการพิจารณาว่าทั้ง 2 เรื่องมีข้อเท็จจริงต่างกันว่า กรณีที่ 1 ชัดเจนว่า เขาใช้สถานะว่าที่ ส.ส. รวมถึง ส.ส. ในเวลาต่อมาในการกระทำผิด จึงเป็นเหตุให้ ส.ส. เห็นว่า ควรจะลงโทษตามสัดส่วนของการกระทำผิด เลยทำให้จำนวน ส.ส.ที่เห็นว่าควรจะขับนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตต์ ส.ส.กทม. น้อยกว่ากรณีของนายวุฒิพงศ์
ส่วน ส.ส.ที่โหวตอุ้มนายไชยามพวาน 22 คนนั้น วันนี้ก็มาเข้าร่วมประชุม แต่ประเด็นการพิจารณาในวันนี้ ผิดร้ายแรงจากกรณีที่ขัดต่อกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ ขัดต่ออุดมการณ์และทำให้พรรคเสื่อมเสียชื่อเสียงอย่างร้ายแรงหรือไม่ ซึ่งเป็นการพิจารณาข้อความผิดคนละกรณีกัน ไม่สามารถพิจารณาซ้ำได้ เพราะเราพิจารณาเรื่องนี้ไปแล้ว ดังนั้น ทุกคนเห็นว่าการแถลงของนายไชยามพวาน ไม่ได้เป็นไปตามมติของกรรมการบริหารพรรค ส่วนช้าไปหรือไม่ ตนมองว่า ไม่ได้ช้าไป บางเรื่องก็ต้องทำตามกระบวนการของข้อบังคับพรรค
เมื่อถามว่า มีการเรียกร้องให้เปิด 22 รายชื่อ ผู้ที่อุ้มนายไชยามพวานนั้น นายชัยธวัช ยืนยันว่า เปิดไม่ได้ ตนในฐานะหัวหน้าพรรค ได้เรียกร้องให้มีการลงมติและเปิดอภิปรายถกเถียงอย่างเต็มที่ เพื่อให้ทุกคนไม่ต้องกังวล ตนเป็นคนกำชับเองว่าเมื่อลงมติไปแล้ว สามารถมีความคิดเห็นแตกต่างกันได้ แต่ไม่ลงมติไปแล้ว ต้องไม่โจมตีเพื่อนที่ลงมติแตกต่างจากตนเอง ไม่เช่นนั้นต่อไปในพรรค เวลาที่เปิดให้ทุกคนแสดงความเห็นอย่างเต็มที่ แม้จะเห็นไม่ตรงกัน ก็จะไม่สามารถทำได้
“ผมในฐานะหัวหน้าพรรค ขอให้ทุกคนไม่เอารายชื่อว่าใครโหวตอะไร มากล่าวหาโจมตีกัน ดังนั้น ผมเองก็เปิดเผยไม่ได้ ก็เป็นคนบอกให้ ส.ส. ไม่ให้ออกมาเปิดเผยเอง เหตุผลก็มีแค่นั้น เราไม่ได้ปกปิดว่าใครมีความเห็นว่าอย่างไร แต่เป็นเรื่องกระบวนการภายในของพรรค และผมยืนยันว่า การที่มีความเห็น การโหวตแตกต่างกันนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่มีความชัดเจนไม่เท่ากันของทั้ง 2 กรณี” นายชัยธวัช กล่าว