นายรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดน และการปฏิรูปประเทศ กล่าวถึงคดี สว.ทรงเอ ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด และอาชญากรข้ามชาติ ว่า ได้รับชี้แจงจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ว่าขั้นตอนขณะนี้เหลือแค่การสืบทรัพย์ของ สว.อุปกิต ปาจรียางกูร ว่าส่วนใดบ้างที่มาจากการค้าขายยาเสพติด โดยคาดว่าสัปดาห์หน้าจะมีรายงานให้สาธารณชนทราบ แต่ส่วนตัวตนมองว่าการยึดอายัดทรัพย์ช้ามาก เมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ
“รังสิมันต์ โรม” ลั่นไม่หวั่น “สว.อุปกิต” ฟ้องกลับ เรียกค่าเสียหาย 20 ล้าน
ข่าวที่น่าสนใจ
ขณะที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ยังไม่มีรายงานขั้นตอนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หลังแจ้งข้อหาอาชญากรรมช้ามชาติต่อ สว.ทรงเอ แต่ ปปง. กับ ปปส. ควรต้องทำงานร่วมกัน “นักการเมือง จะเป็นการสะท้อนถึงกฎหมายว่าจะสามารถใช้กับผู้มีตำแหน่งสำคัญได้หรือไม่ นี่คือเรื่องท้าทายของทุกหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ ขณะนี้ไม่ใช่ช่วงสมัยประชุมสภา จึงไม่มีกฎหมายคุ้มครองเอกสิทธิ์ สว.-สส. หน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ต้องทำให้ถูกต้องตามกฎหมาย” โดยตำรวจได้มีการแจ้งข้อหาแล้ว ในวันนี้ สว.อุปกิต ถือเป็นผู้ต้องหาในคดีสมคบค้ายา ได้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหาเรียบร้อย ต่อไปคือกระบวนการสั่งฟ้อง ทราบมาว่าช่วงต้นเดือนธันวาคม จะมีการดำเนินคดีต่อไป แต่ขั้นตอนนี้ต้องอยู่ที่ทางอัยการ ทางกรรมาธิการฯ ไม่อาจก้าวล่วงได้
ส่วนกรณี สว.ทรงเอ ฟ้องนายรังสิมันต์กลับ เรียกค่าเสียหาย 20 ล้านบาทเพิ่มเติมนั้น นายรังสิมันต์ มองว่า มีเจตนาหวังคำขอคุ้มครองชั่วคราวจากศาล และต้องการให้ตนไม่พูดเรื่องนี้อีก ถึงตอนนี้ศาลยังไม่ได้สั่งอะไร แต่ตนเองในฐานะ สส. มีหน้าที่ติดตามตรวจสอบการบังคับใช้กฎหมายให้เสมอภาค แต่หากมีการใช้กลไกศาลปิดปากไม่ให้ตนไม่สามารถทำหน้าที่ต่อไปได้ ฝ่ายอื่นๆ ที่มีหน้าที่ก็ต้องทบทวนกัน ท้ายสุดท่านก็อาจมีภาระทางกฎหมายเช่นเดียวกัน นายรังสิมันต์ กล่าวด้วยว่า ผู้ที่ให้การช่วยเหลือ สว.อุปกิต ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้พิพากษา ก็มีแนวโน้มจะถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง รวมถึงตำรวจ 12 นาย ซึ่งตนเองได้ทราบชื่อต้นมาแล้ว มีผู้ที่เป็นอดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (อดีต ผบ.ตร.) ตัวย่อ ป. ก็เป็นหนึ่งในคนที่ทางจเรตำรวจได้ชี้มูล และอาจมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง