เปิดมุมมองศก.ปี 67 ภาครัฐ นักวิชาการ เอกชน เห็นตรงมีโอกาสขยายตัว ห่วงขัดแย้งโลกกระทบ แผนแจกเงินดิจิทัล ระวังสร้างภาระคลัง

เปิดมุมมองศก.ปี 67 ภาครัฐ นักวิชาการ เอกชน เห็นตรงมีโอกาสขยายตัว ห่วงขัดแย้งโลกกระทบ แผนแจกเงินดิจิทัล ระวังสร้างภาระคลัง

วันที่ 9 พ.ย.66 บริษัท กาแล็กซี่ มัลติมีเดีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด ร่วมกับ สถานีโทรทัศน์ TOPNEWS พร้อมผู้สนับสนุนหลัก อย่างบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จัดเวทีเสวนา “ชี้ทิศทางเศรษฐกิจไทย 2567”  โดยนายเอกชัย ชัยเชิดชูกิจ ผู้อำนวยการ สถานีโทรทัศน์ TOPNEWS กล่าวเปิดงาน และวัตถุประสงค์ของงาน พร้อมด้วยนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สถานีโทรทัศน์ TOPNEWS เข้าร่วมงาน

 

 

 

 

 

 

 

 

สำหรับงานเสวนา “ชี้ทิศทางเศรษฐกิจไทย 2567” นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “เศรษฐกิจไทย ภายใต้บริบทเศรษฐกิจโลก” ระบุว่า กระทรวงพาณิชย์ได้วางแผนจะขับเคลื่อน GDP ของ SMEs ไทย ในอีก 4 ปีข้างหน้า หรือในปี 2570 ให้ขยายตัวได้ถึง 40% จากปัจจุบันที่ GDP ของ SMEs ไทย ขยายตัวที่ 35% โดยตั้งเป้าให้ GDP ของ SMEs จะต้องเติบโต 1% ทุกปี โดยในปี 2567 กระทรวงพาณิชย์ ได้ตั้งเป้าการขับเคลื่อน SMEs จาก 6.1 ล้านล้านบาท เป็น 6.4 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 แสนล้านบาท ผ่านช่องทางต่างๆของกระทรวงพาณิชย์ในการส่งเสริม SMEs เติบโตขึ้นอย่างมีศักยภาพ ซึ่งในส่วนของรายละเอียดกระทรวงพาณิชย์จะมีการหารืออีกครั้งในเร็ว ๆ นี้

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน เพื่อเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs กระทรวงพาณิชย์ ได้เตรียมจัดงานมหกรรมรวมพลังเอสเอ็มอีไทย พร้อมกิจกรรม “จับคู่กู้เงิน” โดยจะมีการนำเอา สินค้าแฟรนไชส์ สินค้า GI และสินค้าอื่น ๆ รวมไปถึง OTOP เพื่อให้ประชาชนได้เข้าไปจับจ่ายใช้สอย รวมถึงให้กลุ่มคนว่างงานและต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจ ได้ไปเลือกแฟรนไชส์ที่ตัวเองถนัด นำไปประกอบธุรกิจ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ได้หารือกับเจ้าของธุรกิจแฟรนไชส์ในการเสนอโปรโมชั่นพิเศษให้กับกลุ่มคนว่างงาน รวมถึงให้พาณิชย์จังหวัด ไปคัดเลือกทำเลการค้าที่ดีทั่วประเทศประมาณ 4,000 จุด เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจแฟรนด์ไชส์ได้ประกอบธุรกิจ

 

 

 

 

 

 

 

 

ดังนั้น ในการจัดงานครั้งนี้ นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่าจะทำให้ผู้ที่ว่างงานและต้องการเป็นเจ้าของแฟรนด์ไชด์ได้เลือกเฟรนไชด์ที่ถนัดมาประกอบอาชีพ ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์ก็มีทำเลที่พาณิชย์จังหวัดทำการต่อรองการเช่าสถานที่ในราคาพิเศษให้ รวมถึงมีสถาบันการเงินทั้งภาครัฐและเอกชนถึง 12 สถาบัน มาร่วมปล่อยสินเชื่อคุณภาพให้กับประชาชนที่ต้องการเป็นเจ้าของธุรกิจอีกด้วย

 

 

ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจ SMEs นั้น กระทรวงพาณิชย์ มีหลายช่องทางในการพัฒนา SMEs ทั้ง แฟรนไชส์ สินค้า GI รวมถึงการดึงราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้น เพื่อสร้างจุดสมดุลที่ดี ซึ่งเชื่อมั่นว่าจะสามารถส่งเสริมผู้ประกอบการ SMEs ให้เติบโตและแข็งแรงได้อย่างแน่นอน

 

 

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

 

 

 

รวมถึง มีการเสวนาในหัวข้อ “ชี้ทิศทางเศรษฐกิจไทยภายใต้รัฐบาลใหม่ 2567” ดำเนินรายการ โดยนายณรงค สุทธิรักษ์ ผู้ดำเนินรายการ “ลึกจริงเศรษฐกิจ” Top Biz Insight และน.ส.ศิรินทร์รัตน์ จันทะมาต ผู้ดำเนินรายการ “รู้ออม รู้ลงทุน ” คลื่นวิทยุ FM 90.5

 

 

โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น จาก ดร.กิตติ ลิ่มสกุล นักวิชาการอิสระและอดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , รศ.ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และ นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)

 

 

 

รศ.ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินหากสงครามในตะวันออกกลางไม่ขยายวงจนกระทบแหล่งผลิตและส่งออกน้ำมัน มีโอกาสที่อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2566 อาจต่ำกว่าปี 2565 ได้ โดยคาด อัตราการขยายตัว จีดีพี ไตรมาส 3 ปี 2566 อยู่ที่ 1.7-1.8% และ อัตราการขยายตัวจีดีพี ไตรมาส 4 ปี 2566 อยู่ที่ 3.8-3.9% ทำให้ทั้งปีอยู่ที่ 2.5%

 

 

 

 

โดยปี 2567 เศรษฐกิจจะขยายตัวดีขึ้น ถ้าความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลกับฮามาส นำไปสู่สงครามในภูมิภาค โอกาสที่ราคาน้ำมันทะลุ 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และถ้าปิดช่องแคบเฮอร์มุส ก็จะขึ้นไป 130-150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล พร้อมแนะรัฐบาลส่งสัญญาณให้ประชาชนประหยัดพลังงาน รวมถึงให้ความรู้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ

 

ขณะที่การแจกเงินดิจิทัล มองว่า ถ้าแจกอายุ 16 ปีขึ้นไป ต้นทุนในการบริหารจัดการลดลง อย่างไรก็ตามมองว่าถ้าไม่จำเป็นต้องแจก ก็ไม่ต้องแจก แจกเงินไม่ควรถ้วนหน้า ทั้งนี้การกระตุ้นเศรษฐกิจ ต้องมองผลระยะปานกลางและระยาว เพราะปัญหาเศรษฐกิจไทย จำเป็นต้องปรับโครงสร้าง อาทิ การกระจายรายได้ การยกระดับขีดความสามารถการแข่งขัน ซึ่งมาตรการธรรมดาช่วยแก้ปัญหาระยะสั้นเท่านั้น ฉะนั้น ต้องมุ่งไปที่นโยบายระยะปานกลางและระยาวด้วย

 

รศ.ดร.อนุสรณ์ คาดการณ์ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจไทยปี 2567 น่าจะอยู่ในช่วง 3.5-4.5% ถ้ามีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมาย เช่น การแจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต ก็อาจจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพิ่มขึ้นจาก 3% กว่า ๆ เป็น 4-5% ได้ แต่ต้องตระหนักว่า การใช้นโยบายแจกเงิน ก็จะนำมาสู่ภาระทางการคลัง

 

 

 

 

ด้านดร.กิตติ ลิ่มสกุล นักวิชาการอิสระและอดีตอาจารย์คณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มองเศรษฐกิจไทยไตรมาส 4 ปีนี้ ถึงไตรมาสที่ 2 ปี 2567 คาดว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและต่ำสุดของวัฎจักร อย่างไรก็ตาม หากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่ขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นอีก จะทำให้เม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ ไหลเข้ามาลงทุนยังตลาดพันธบัตร รวมถึงตลาดหุ้นของไทย

 

 

ดร.กิตติ มองเช่นกันว่า หากรัฐบาลเดินหน้านโยบายดิจิทัลวอลเล็ต คาดว่าจะทำให้จีดีพีของไทย เติบโตในอัตราประมาณ 5% แต่ทั้งนี้จะต้องลุ้นว่า ภายในเดือนพ.ค.67 รัฐบาลจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ ซึ่งหากกระตุ้นไม่ได้ ก็จะทำให้เศรษฐกิจไทยก็จะเข้าสู่จุดต่ำสุด

 

 

 

นอกจากนี้ มองว่าการแจกเงินควรใช้เป๋าตังค์ เป็นหลัก และเขียนโปรแกรมอื่นเพิ่มเติมไป โดยการกระตุ้นเศรษฐกิจควรมองให้รอบด้าน รวมทั้งทางด้านกฎหมายด้วย ส่วนเม็ดเงินก็ให้ยืม จากสถาบันการเงินของรัฐมาใช้ดำเนินโครงการ ซึ่งสามารถใช้อำนาจตามมาตรา 28 แห่ง พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลังของรัฐ แต่ให้ใช้เงินรายได้ของรัฐที่มีมาดำเนินการ และเมื่อมีรายได้ภาษีเข้ามาเพิ่มเติม ก็ทยอยโอนเงินดังกล่าวเข้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต แทนการใส่เม็ดเงินเข้าไปเพียงครั้งเดียว

 

ทั้งนี้เห็นด้วยหากรัฐบาลจะให้สิทธิกับประชาชนทุกคน เพราะไม่สามารถแยกกลุ่มคนรวย คนจน ได้อย่างชัดเจน ส่วนคนที่ไม่ต้องการใช้สิทธิ รัฐบาลก็สามารถดึงเม็ดเงินดังกล่าวกลับมาเมื่อสิ้นสุดโครงการได้

 

 

ด้านนายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะตัวแทนคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ระบุว่า มั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปี 67 จะดีขึ้นอย่างแน่นอน จากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ ที่มาขับเคลื่อน โดยรัฐบาลได้มีนโยบายด้านเศรษฐกิจ คือการลดค่าครองชีพ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระยะสั้น และระยะยาว เพื่อให้เศรษฐกิจของไทยขยายตัว โดยประเมินว่าปีหน้า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้อย่างต่ำ 3% และหากมีการแจกเงินดิจิทัล โดยมีการบริหารจัดการไม่ให้เม็ดเงินรั่วไหล จะทำให้จีดีพีเติบโตได้ 4-5%

 

อย่างไรก็ตาม ต้องระมัดระวังในเรื่องปัจจัยภายนอก ทั้งเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ ( geopolitic) ที่อาจจะขยายวงกว้าง ซึ่งทำให้ไทยต้องกลับมาเน้นอุตสาหกรรมพื้นฐาน อย่าง BCG พร้อมส่งเสริมพลังงานต้นทุนถูก

 

นายอิศเรศ ระบุว่า สภาอุตฯ ในฐานะหนึ่งในสมาชิกกกร.มอง 2 เรื่อง คือ ถ้าเงินกว่า 5 แสนล้านบาท มองว่า ด้วยข้อจำกัดงบประมาณ อยากให้พุ่งเป้าไปที่กลุ่มที่ต้องการจริง ๆ เพราะถ้าให้คนตั้งแต่อายุ 16 ปีขึ้นไป เม็ดเงินอาจไม่ได้ลงไปในระบบเศรษฐกิจจริง ขณะที่กังวลเรื่องบล็อกเชน หากมีการเขียนโปรแกรมขึ้นใหม่ อาจมีเป็นการเพิ่มต้นทุน และทำให้เกิดความล่าช้า แนะใช้แอปเป๋าตังค์ นอกจากนี้มีความเป็นห่วง ปัญหาภัยแล้ง ถ้าไม่มีน้ำเพียงพอ กกร.จึงเสนอว่า อยากให้จัดสรรเงินเท่ากับที่เหมาะสมกับดิจิทัลวอลเล็ต และนำเงินบางส่วน มาแก้ปัญหาเรื่องอื่น เช่น เรื่องน้ำ

 

 

นอกจากนี้ ยังมองว่าในส่วนของงบประมาณที่ล่าช้า จากช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ และไตรมาสแรกปี 67 บวกกับปัญหาหนี้ครัวเรือน หากรัฐบาลไม่กระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของภาคประชาชน จะทำให้ GDP Growth มีปัญหาอย่างแน่นอน โดยอยากให้เน้นไปที่สินค้าที่ผลิตภายในประเทศ เพื่อให้จีดีพีหมุนเวียนเติบโตจากสินค้าในประเทศ

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น