วันที่ 9 พ.ย.2566 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ออกรายการพิเศษ “Chance of Possibility จากนโยบายสู่การลงมือทำจริง 60 วัน” เพื่อบอกเล่าการทำงานของรัฐบาลในช่วง 60 วันที่ผ่านมา ซึ่งเนื้อหาทั้งหมดมีความยาวประมาณ 38 นาที เร่งพักหนี้ครัวเรือน-หนี้นอกระบบ นายกฯ กล่าวว่า เรื่องแรกคือ มาตรการเร่งด่วนที่ได้ดำเนินการตลอด 60 วันที่ผ่านมา คือการลดรายจ่าย โดยเฉพาะค่าไฟ จาก 4.45 บาท เป็น 4.10 บาท และลดลงอีกเหลือ 3.99 บาท เป็นวิธีการทำงานของรัฐบาล อะไรทำได้เราทำก่อน ถ้าทำได้อีก ก็จะทำให้ เพราะตระหนักดีว่าประชาชนเดือดร้อนมาตลอด ถ้าเกิดต้องคอยให้ทุกอย่างครบหมด แล้วค่อยทำบางทีอาจจะช้าเกินไป เช่นเดียวกับการลดราคาค่าน้ำมันดีเซล และเบนซิน
นอกจากนี้ยังลดดอกเบี้ยและพักหนี้เกษตรกร และเรื่องที่จะต้องทำต่อไป คือการปัญหาหนี้ครัวเรือน แต่อาจจะเป็นระยะกลาง ในส่วนระยะกลาง จะมีการลดหนี้ของหนี้นอกระบบ ซึ่งเป็นปัญหาที่กัดกร่อนสังคมไทยมานาน มีผู้ทำผิดกฎหมาย ชาร์จดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทำให้ประชาชนจ่ายเงินไปแล้วแต่เงินต้นไม่ลด จึงต้องมีการบูรณาการแก้ปัญหาอย่างชัดเจน คาดว่าภายในอาทิตย์นี้หรืออาทิตย์หน้า จะมีการแถลงข่าวเรื่องนี้ เพื่อให้นำไปปฏิบัติได้ภายในกลางเดือนธ.ค.
ข่าวที่น่าสนใจ
ยัน10พ.ย.รู้ที่มาที่ไปเงินดิจิทัลวอลเล็ต
สำหรับการเพิ่มรายได้ให้ประชาชน มีหลายมิติ อย่างดิจิทัลวอลเล็ต ตนจะแถลงด้วยตนเองในวันที่ 10 พ.ย.นี้ ทั้งเรื่องหลักการ ไม่ว่าจะเป็นที่มาที่ไปของเงิน ใครได้รับบ้าง ใช้กับสินค้าประเภทใด ระยะทางกี่กิโลเมตร หรือเป็นอำเภอ หรือเป็นตำบล
ส่วนการเพิ่มรายได้ขยายโอกาสและให้ความรู้เกษตรกร ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ประชาชนอยู่ในภาคเกษตรกรรมหลายสิบล้านคน เราต้องให้องค์ความรู้เรื่องการทำการเกษตร แต่ไม่ใช่ว่าคนของเราไม่เก่ง เพราะเรื่ององค์ความรู้ ยังไม่มีการใส่เข้าไปให้เต็มที่ จึงเป็นหน้าที่รัฐบาลโดยเฉพาะการใช้กลไกลการตลาด ไปเปิดตลาดใหม่ๆ เช่น แอฟริกา กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง เพราะประเทศเหล่านี้ต้องการอาหารค่อนข้างมาก เมื่อเปิดตลาดใหม่ก็มีการขยายโอกาส ขยายรายได้ และเชื่อว่าราคาพืชผลจะขยับขึ้นตาม
แจงเปิดวีซ่าฟรี-ดึงนักท่องเที่ยว
สำหรับเรื่องการท่องเที่ยว เป็นการเพิ่มรายได้อีกส่วนหนึ่งของประเทศ รัฐบาลได้ให้วีซ่าฟรีจีน ไต้หวัน อินเดีย และมีการยกเว้นขั้นตอนของ ตม.6 ทำให้ภาคใต้มีนักท่องเที่ยวมาเลเซียหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก รัฐบาลนี้ไม่ได้ดูแค่การนำนโยบายหรือกฎกติกามาใช้อย่างเดียว เราดูทั้งเรื่องการเดินทาง ความสะดวกรวดเร็ว ฝ่ายความมั่นคง และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ต้องดูแลเรื่องนี้ได้อย่างดีเยี่ยม อีกทั้งบริษัทการท่าอากาศยานไทยหรือ AOT ก็ต้องอำนวยความสะดวก ทั้งเรื่องการจัดการสัมภาระ (Baggage Handling) ว่าเพียงพอหรือไม่ และดูทั้งระบบ ตั้งแต่ก้าวแรกที่ถึงแผ่นดินไทย จนก้าวสุดท้ายที่จะออกไป
ส่วนของการเปิดวีซ่าฟรีให้กับคาซัคสถานนั้น อย่าลืมว่า คาซัคสถานคือเป็นส่วนหนึ่งของประเทศรัสเซีย ประชากรมีรายได้สูง จากสถิติที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวจากคาซัคสถานมาเที่ยวยังประเทศไทยแถบจ.พังงา ค่อนข้างสูง จึงต้องมาดูเรื่องสายการบินที่บินตรง และคงจะดูต่อไปว่าสามารถทำตรงไหนได้อีก อย่างปัจจุบันเราเปิดโอกาสให้รัสเซีย เข้ามาอยู่ได้ 30 วันและขณะนี้หน่วยงานกำลังพิจารณาว่าจะอำนวยความสะดวกให้อยู่เกิน 30 วันได้หรือไม่
สร้างสนามบิน-ปลุกกระแสเที่ยวเมืองรอง
นายกฯ กล่าวว่า ในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว รัฐบาลได้ขยายโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งในกรุงเทพมหานครและจังหวัดท่องเที่ยวอื่นๆ โดยเฉพาะสนามบิน ประชาชนต้องสบายใจว่าประเทศเราทีการท่องเที่ยวที่ดีขึ้น รวมทั้งระยะเวลาในการอยู่ก็สำคัญเช่นกัน ต้องสนับสนุนการท่องเที่ยวเมืองรองเกิด ไม่ใช่มาแค่กรุงเทพฯ ภูเก็ต เชียงใหม่ พัทยา หัวหิน แต่เราอยากให้ไปที่น่าน กาฬสินธุ์ สุโขทัย อยุธยา ทำให้ระยะการอยู่ของนักท่องเที่ยวยาวขึ้น ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แค่หัวเมืองใหญ่อย่างเดียว โดยการพัฒนาต้องดูเรื่องความพร้อมของสนามบิน ซึ่งที่ผ่านมาสนามบินสุวรรณภูมิมีส่วนขยาย Z1 ที่ได้เปิดไปแล้ว
“ยืนยันว่าเมืองรองเราไม่ได้ละทิ้ง ยังมีอีกหลายสนามบินที่เราจะไปพัฒนา และอนาคตต่อไปจ.น่าน อาจจะต้องอัพเกรดเป็น น่าน International Airport เรื่องเล็กๆ เหล่านี้ การลงทุนอีกนิดเดียว ทำให้ยกระดับสนามบินบางสนามบินขึ้นมา ทำให้เมืองรองกลายเป็นเมืองที่ทุกคนอยากจะมา มีความสะดวกสบาย” นายกฯ กล่าว
เชื่อมระบบรางขนส่งไปจีน-ลาว
ขณะที่เรื่องการคมนาคม เป็นเรื่องสำคัญ เพราะการคมนาคมเชื่อมต่อไปทั่วประเทศ เมื่อครั้งเดินทางไปประชุมที่ประเทศจีน ได้พูดคุยการเชื่อมโยงโลจิสติกส์ ทั้งภูมิภาค เช่น เรื่องรถไฟความเร็วสูงที่เรามีการก่อสร้างจาก กรุงเทพฯไปโคราช -โคราชไปขอนแก่น -ขอนแก่นไปหนองคายข้ามไปลาว และเชื่อมไปยังจีน ที่จะช่วยขนส่งสินค้าเกษตรที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูงไปขายยังต่างประเทศ แต่ระหว่างที่ดำเนินการเรื่องรถไฟความเร็วสูงต้องมีทำรางคู่ก่อน และบางจุด ต้องมียุทธศาสตร์สำคัญ เช่น สะพานข้ามจากหนองคายไปลาว เรื่องนี้มีการตกลงกันในช่วงที่เดินทางไป สปป.ลาว
นายกฯ กล่าวถึงพืชเศรษฐกิจอย่างทุเรียนว่า เป็นผลไม้ที่คนจีนชอบมาก การบริโภคทุเรียนในประเทศจีนเฉลี่ย 7 กิโลกรัมต่อ ประเทศไทย 5 กิโลกรัมต่อคน มาเลเซีย 11 กิโลกรัมต่อคน ซึ่งปัจจุบันมีส่งออกประมาน 2 แสนกว่าล้าน ดังนั้น ต้องเน้นเรื่องการขนส่งที่ต้องมีความรวดเร็ว ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้พยายามลดขั้นตอนของเอกสารที่ใช้เวลานาน เพราะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต้องควบคู่ไปกับการทำงานเพื่อที่จะให้ Easy to do business
โวต่างชาติสนใจลงทุนเพิ่ม
นายกฯ กล่าวถึงการเดินทางไปต่างประเทศว่า การเดินทางเข้าร่วมประชุม UNGA ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ไปเจอผู้นำต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเรื่องของภูมิศาสตร์ มีความร้อนแรงอยู่มาก ทั้งจีน-สหรัฐ และยูเครน-รัสเซีย ซึ่งสหประชาชาติ ตระหนักถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ในปีนี้ธีมใหญ่คือ เรื่องพลังงานสะอาด หรือ SDG ทุกคนเห็นตรงกันว่าเป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการให้ดี เราได้ไปพูดในหลายเวที ไม่ว่าจะเป็นการออกหุ้นกู้สีเขียว ซึ่งจะมีการระดมทุน (Raise Fund) เป็นการแสดงเจตจำนงให้ชาวโลกรู้ว่าประเทศไทย เป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว เราใส่ใจเรื่องนี้ มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการที่จะทำให้เป็น Net Zero Carbon
นอกจากนี้ยังมีโอกาสพบกับบริษัทใหญ่ๆ ที่สนใจมาลงทุนในไทยจำนวนมากและในสัปดาห์หน้า จะเดินทางไปที่ซานฟรานซิสโก เพื่อร่วมประชุม APEC ก็จะได้ไปเจรจาต่อ และจะมีการลงนาม MOU ด้วย ความจริงก็คือไปค้าขายนั่นเอง
ลั่นเป็นเซลล์แมนตีปี๊บไทยเปิดประเทศแล้ว
เราเป็นเซลล์แมน ต้องไปบอกว่าประเทศไทยเปิดแล้ว ไม่มีเวลาไหนที่จะดีเท่าเวลานี้ ที่จะมาลงทุนในไทย เพราะมีความพร้อม ไม่ว่าจะเป็นมาตรการสนับสนุนทางภาษี โดยบีโอไอ ไม่ว่าพลังงานสะอาด ที่เรามีเหนือสิ่งอื่นใด ค่าครองชีพของเราเมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนบ้านก็ถือว่าดี และมีสิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตที่ดีด้วย ถ้าเกิดจะมีคนย้ายฐานการผลิตเข้ามา และมีครอบครัวมาอยู่ด้วยนั้น เรื่องของเฮลท์แคร์เซอร์วิส ของเราก็อยู่ระดับเวิล์ดคลาส โรงเรียนอินเตอร์เนชั่นแนลของเราก็มี วันนี้เรามีครบในการที่จะเสนอตัวว่าประเทศไทย พร้อมเป็นฮับ ของการผลิตในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งทั้งหมดนี้ คือ ที่มาที่ไปของการเดินทางไปต่างประเทศ
ส่วนการเดินทางไปเยือนประเทศในอาเซียนทั้งกัมพูชา บรูไน มาเลเซีย สิงคโปร์ ฮ่องกง ก็ไปพบปะแนะนำตัวกับผู้นำประเทศต่างๆ รวมทั้งพูดคุยถึงโอกาสในการทำธุรกิจ และรับฟังปัญหา
เร่งแก้ภัยออนไลน์-ยาเสพติด
นายกฯ ยังพูดถึงการแก้ปัญหาอาชญากรรม เช่น ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะพวกนี้หลอกลวงประชาชน จึงสั่งให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ทำงานร่วมกับตำรวจ กวาดล้างให้เด็ดขาด รวมถึงปิดบัญชีม้า และหากเป็นคดีใหญ่ให้ประสานดีเอสไอ เป็นคดีพิเศษ และให้ปปง. ยึดทรัพย์ เพื่อตัดต้นตอ
ส่วนปัญหายาเสพติดถือว่าเป็นวาระแห่งชาติ นายกฯ ต้องนั่งหัวโต๊ะในการบริหารจัดการ โดยเฉพาะการยึดทรัพย์ที่ยังช้าอยู่ คนที่ค้ายาเสพติดไม่ได้กลัวติดคุก แต่กลัวถูกยึดทรัพย์
ขณะที่ปัญหาทางด้านสังคม ความเหลื่อมล้ำต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ได้ตั้งคณะกรรมการมาแล้ว พร้อมกำหนดไทม์ไลน์ที่ชัดเจนแล้ว
ส่วนเรื่องสมรสเท่าเทียมน่าจะเป็นกฎหมายฉบับแรกของรัฐบาลที่ยื่นจะยื่นเข้าสภาต้นเดือนธ.ค.นี้ เช่นเดียวกับสุราชุมชนก็ต้องทำเหมือนกัน
แจงยิบไม่เคยพูดจะยุบกอ.รมน.
นายกฯ กล่าวถึงเรื่องการยุบหรือไม่ยุบกอ.รมน. ว่า “ผมเองต้องบอกตรงๆ ผมเองก็ตกใจ ที่บอกว่าเอ๊ะเรา ทำไมท่านไม่ยุบ ผมไปหาเสียงที่ไหนไปเอาเทปมาดูได้ ผมไม่เคยบอกต้องยุบ นโยบายที่แถลงก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้ แต่ทุกๆ องค์กรไม่ใช่ กอ.รมน. อย่างเดียว เช่นจะเป็นบีโอไอ หรืออีอีซี ต้องมีการพัฒนาและมีการเปลี่ยนแปลง”
ชี้อุปสรรคมีเวลาไม่พอทำงาน
นายกฯ กล่าวถึงอุปสรรคใน 60 วันที่ผ่านมาว่า หากถามว่า 60 วันที่ผ่านมา ชีวิตเปลี่ยนไปเยอะไหม จริงๆแล้ว เราอาสาเข้ามาทำงาน ไม่มีสิทธิ์บอกว่าเหนื่อย ไม่มีสิทธิ์บอกอะไร แต่อุปสรรคสำคัญที่สุด ก็คือเวลาไม่พอ เวลาไม่พอทุกอย่าง เวลาไม่พอในการทำงาน เวลาไม่พอในการนอน เพราะต้องมีงานพูดคุย ต้องมีงานทำอะไรหลายๆ อย่าง อยากให้ 1 วันมีมากกว่า 24 ชั่วโมง ขณะที่ทีมงานเองก็ตระหนักดีถึงความสำคัญที่ต้องเร่งเข็นผลงานออกมา เพราะ 10 ปีที่ผ่านมา จีดีพีไทยโต 1.8% น้อยกว่าเพื่อนบ้าน
ขณะที่ข้าราชการก็เป็นภาคส่วนที่สำคัญที่สุดส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศ ดังนั้น เราต้องรับฟังความคิดเห็นของทุกๆ หน่วยงาน และต้องให้ความมั่นใจว่าข้าราชการที่ตั้งไจทำงานจะได้รับการโปรโมท และการโยกย้ายจะต้องได้รับความเป็นธรรม
วอนขรก.ทำงานหนัก-เร่งเข็นผลงานให้เร็วที่สุด
นายกฯ กล่าวตอนท้ายถึงเรื่องที่อยากฝากประชาชนว่า เรื่องใหญ่ก็คือเรื่องของปากท้อง รัฐบาลพยายามอย่างเต็มที่ ทำทุกเรื่องอย่างไม่หยุดยั้ง และลืมเหน็ดเหนื่อย แต่เหนือสิ่งอื่นใด ทุกๆ ภาคส่วนต้องเข้าใจก่อนว่า ปัจจุบันเศรษฐกิจอยู่ในภาวะที่ไม่ค่อยดี
ฉะนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเรื่องสำคัญ และต้องคำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชน ทุกๆ กระทรวง ทบวง กรม รวมถึงข้าราชการต้องทำงานกันอย่างเต็มที่ และทำงานหนักต่อไป ขอให้มีความอดทนและต้องรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน รัฐบาลจะพยายามเข็นผลงานออกมาให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
โดยก่อนหน้านั้น นายเศรษฐา “มีหลายสำนักทักมาว่าทำไมออกผลงาน 60 วัน หนึ่งวันก่อนออกแถลงการณ์ digital Wallet ทำไมไม่แถลงพร้อมกัน ขอชี้แจงอย่างนี้ครับ ผมอยากให้การแถลงข่าวพรุ่งนี้ให้ทุกท่านมุ่งจุดสนใจไปที่ digital Wallet โดยไม่ไปพะวงกับเรื่องผลงาน 60 วันที่ผ่านมา จะได้เข้าใจถึงที่มาที่ไปและรายละเอียดของโครงการนี้อย่างเต็มที่ครับ ไม่ได้มีจุดมุ่งหมายใดใดที่จะกลบข่าวใดใดทั้งสิ้น เจอกันพรุ่งนี้ครับ ราตรีสวัสดิ์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง