นายภูมิธรรม เวชชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกรณีฝ่ายค้านงวิจารณ์โครงการดิจิทัลวอลเล็ตว่า การวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ หากเป็นประโยชน์กับประเทศและประชาชน รัฐบาลยินดีรับฟังอยู่แล้ว เราไม่ได้ดื้อดึงอย่างที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กัน ซึ่งโครงการนี้มีการปรับเปลี่ยนเพราะหลายส่วนวิพากษ์วิจารณ์เข้ามา แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลรับฟังทุกฝ่าย หากฝ่ายค้านจะเสนอแนะวิธีการในโครงการนี้ก็สามารถทำได้ แต่หากจะวิจารณ์แค่ว่าเราผิดหรือแค่หาทางลงนั้น ตนไม่อยากให้คิดแค่เพียงนำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตรัฐบาล ยืนยันว่ารัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยตั้งใจทำตามสัญญา อีกทั้งหัวใจของโครงการนี้ไม่ใช่เพื่อการแจกเงิน แต่เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่มีปัญหามาอย่างยาวนาน โดยให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งนี้ด้วย เราพยายามเดินหน้าโครงการด้วยความรอบคอบ โดยมอบหมายคณะกรรมการกฤษฎีกาประสานงานกับแบงก์ชาติว่าจะใช้วิธีการใด จะต้องกู้หรือไม่ ทุกอย่างจะดำเนินการให้ถูกกฎหมาย และทุกฝ่ายเห็นชอบ ส่วนกรณีนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคก้าวไกล วิจารณ์ว่ารัฐบาลกำลังหาทางลงให้กับโครงการนี้นั้น นายภูมิธรรม ย้อนกลับว่า สมัยตอนที่พรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกลร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล นางสาวศิริกัญญาเองก็ขอให้เราทำโครงการนี้
“ภูมิธรรม” เอาคืน แฉ“ศิริกัญญา”เคยหนุนแจกดิจิทัล 10,000 บาท
ข่าวที่น่าสนใจ
เพียงแต่ขอให้ปรับลดเพดานเงินลง แสดงให้เห็นว่านางสาวศิริกัญญาเองก็เห็นด้วยกับโครงการดังกล่าว ดังนั้นตนจึงไม่อยากให้นำความได้เปรียบทางการเมืองมาดิสเครดิตกัน ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร ประชาชนก็ไม่ได้ประโยชน์ ถามว่าพวกคุณเห็นด้วยหรือไม่ว่าประเทศไทยขณะนี้ต้องการการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ วิจารณ์ว่ารัฐบาลกำลังกลืนน้ำลาย เพราะจะกู้เงินมาทำโครงการ แล้วจะกลายเป็นจุดล้มละลายทางความน่าเชื่อถือของรัฐบาลเองนั้น นายภูมิธรรมยืนยันว่า เป้าหมายของโครงการนี้คือการกระตุ้นเศรษฐกิจ ให้ประชาชนเป็นกำลังซื้อเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ หากรัฐบาลทำถูกต้อง ท่านก็ไม่ควรต้องติดใจ
ขณะที่ นายศรัณย์ ทิมสุวรรณ สส.เลย และในฐานะรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้แจงว่าเดิมทีเรื่องแหล่งที่มาของเงินเราดูไว้หลายที่ แต่ด้วยปัญหาหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ที่เลื่อนไปช้ากว่าปกติ กว่าจะออกก็เป็นช่วงเดือนเมษายน หรือเดือน พฤษภาคมทำให้ช่องทางที่เรามองไว้ตอนแรกที่ทำนโยบายถูกตัดให้เหลือน้อยลง หากจะรอให้มีงบประมาณออกมาแล้วทำ ก็จะยิ่งช้าไป ซึ่งคนที่เขาศึกษาเรื่องนี้ เขาก็แนะนำว่าในสภาพเศรษฐกิจตอนนี้ แล้วรอให้ถึงตอนนั้น ผลของการกระตุ้นจะยิ่งน้อยลง แล้วจะมีความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจอื่นๆ ทั้งนี้คิดว่าถ้าออกเป็นร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ จะสามารถได้รับเสียงสนับสนุนจากสภาฯ โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งคงต้องมีคนที่ตั้งคำถาม แต่เราก็ต้องสามารถที่จะชี้แจง และอธิบายเหตุผลได้ ส่วนหากจะมีผู้ไปยื่นไปศาลรัฐธรรมนูญนั้น เราคงไม่สามารถห้ามเขาได้ แต่ก็มั่นใจว่าเราสามารถชี้แจงได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง