วันนี้ นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ระบุหากมี 5 แสนล้านบาท จะนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน สร้างรถเมล์ไฟฟ้า น้ำประปาดื่มได้ การจัดการขยะ ว่า ตนเห็นต่างจากนายธนาธร เพราะสิ่งที่นายธนาธรพูด เป็นโครงการที่เป็นระเบียบปฏิบัติประจำของรัฐบาลอยู่แล้ว หลายเรื่องก็มีความก้าวหน้าไปมาก หากจะนำเงินไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานก็จะถูกใช้ผ่านบริษัทหรือกลุ่มทุนขนาดใหญ่ กว่าจะส่งต่อถึงมือประชาชนต้องใช้เวลานาน แต่นโยบายดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล เป็นการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่กระเป๋าเงินของประชาชนโดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง เป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เงินจะสะพัด หมุนไปในหลายภาคส่วนหลายๆ รอบ ประชาชนจะมีอำนาจในการจับจ่ายใช้สอยทันที การค้าการขายจะดีขึ้น เศรษฐกิจโดยรวมจะโต ประเทศไทยไม่ได้มีเงินมาก แต่หากนำไปลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ไปทำสวัสดิการแห่งรัฐก่อน เม็ดเงินนั้นจะไม่เกิดการหมุนเวียน เงินในกระเป๋าประชาชนไม่มี เศรษฐกิจก็ไม่โต เราจึงต้องกระตุ้นเศรษฐกิจอัดฉีดเม็ดเงินให้ประชาชนมีเงินในกระเป๋าก่อน เพราะเป็นปัญหาเร่งด่วน จากนั้นเมื่อเศรษฐกิจโตรัฐบาลก็พร้อมจะยกระดับในการดูแลสวัสดิการประชาชนให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน
“อนุสรณ์ –เด็จพี่-วรชัย” เรียงหน้าโต้ “ธนาธร” ปมวิจารณ์แจกดิจิทัล ชี้ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นโครงการที่รบ.ทำประจำอยู่แล้ว ซัดอย่ามองแบบคนรวย อ้างไปถามชาวบ้านที่รอคอยบ้าง พร้อมจวก “ศรีสุวรรณ” อคติยื่นสอบ พาลโวยป.ป.ช.สองมาตรฐานตั้งกกต.เกาะติด
ข่าวที่น่าสนใจ
ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง รู้สึกไม่แปลกใจกับท่าทีหรือสิ่งที่นายธนาธรออกมาพูด เพราะนายธนาธรมักจะทำงานคู่ขนานไปกับพรรคก้าวไกล ก็ในเมื่อนายธนาธร เป็นคนพูดเองว่าสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมาหนักมาก รัฐบาลเดิมกู้เงินเพื่อใช้แก้ปัญหาทำให้มีหนี้ครัวเรือน และหนี้สาธารณะสูงมาก แต่กลับบอกให้รัฐบาลใหม่ไปแก้ปัญหาเหล่านี้โดยมุ่งเน้นการสร้างอุตสาหกรรมใหม่เพื่อสร้างงานและสร้างเทคโนโลยี อีกทั้งตนแนะนำให้ นายธนาธรออกไปลงพื้นที่พบปะพูดคุยกับประชาชนที่กำลังเดือดร้อนและรอคอยเงินดิจิทัลดูบ้าง เผื่อจะได้เห็นปัญหา รับรู้ความเดือดร้อน อยากให้นายธนาธรมองจากมุมอื่น อย่ามองแบบคนรวย และขอให้หยุดด้อยค่าเงินดิจิทัล การแก้ปัญหาเดิมๆด้วยวิธีเก่าๆ ก็จะได้ผลลัพธ์ในแบบเดิมๆ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตคือคำตอบใหม่ ที่จะออกมาแก้ปัญหาเดิมๆ ได้
ขณะที่ นายวรชัย เหมะ คณะที่ปรึกษาฝ่ายการเมืองของรองนายกฯ ตอบโต้ข้อเสนอของนายธนาธรว่า ข้อเสนอดังกล่าวเป็นนโยบายของพรรคก้าวไกล การกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นนโยบายของแต่ละพรรค นายธนาธรเคยพูดว่าถ้าเป็นรัฐบาลจะกระตุ้นเศษรฐกิจตามแนวทางนี้ ซึ่งต้องพิสูจน์กันว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจใครจะสร้างพายุหมุนได้มากกว่ากัน ระหว่างแนวทางของพรรคก้าวไกล กับพรรคเพื่อไทย ที่นายธนาธรพูดคือหลักคิดเมื่อพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล แต่วันนี้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำรัฐบาลก็จะใช้วิธีการของเรา แนวคิดของนายธนาธร คงต้องรอวันที่พรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาลก่อนแล้วจะได้เปรียบเทียบกันว่าแบบไหนดีกว่า
ส่วนกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ร้อง ป.ป.ช. สอบนายกฯ ปมออกพ.ร.บ.กู้เงิน อาจขัดรัฐธรรมนูญ เหตุไม่เข้าข่ายเรื่องเร่งด่วนนั้น นายวรชัยตั้งข้อสังเกตว่านายศรีสุวรรณ มักร้องพรรคเพื่อไทยเกือบทุกเรื่อง เป็นการใช้อคติในการร้องหรือไม่ สังคมคงเป็นผู้ตอบได้ดีที่สุด เหมือนกับที่ ป.ป.ช. ที่เป็นองค์กรตรวจสอบ แต่ถูกสังคมตั้งคำถามว่าทำงานสองมาตรฐานหรือไม่ เพราะพอเป็นเรื่องของพรรคเพื่อไทยที่เป็นนโยบายหาเสียง ยังไม่ได้ลงมือทำก็ตั้ง คณะกรรมการเพื่อศึกษา มีนางสาวสุภา ปิยะจิตติ เป็นประธานกรรมการ ทั้งที่นางสาวสุภาถูกสังคมตั้งข้อสังเกตว่าเป็นคนที่มีทัศนคติเชิงลบกับพรรคเพื่อไทย และกำลังจะหมดวาระ ทำไมไม่ตั้งคนอื่นที่สามารถทำงานต่อเนื่องได้มาทำหน้าที่ตรงนี้ ตนถึงขอตั้งคำถามว่าการทำเช่นนี้ต้องการตรวจสอบอย่างจริงจังหรือมีนัยอะไร เพราะวิธีดำเนินการกับพรรคเพื่อไทยช่างแตกต่างกับการดำเนินการกับรัฐบาลก่อน เช่น เรื่องนาฬิกายืมเพื่อน ที่ศาลปกครองสั่งให้เปิดข้อมูลแต่ป.ป.ช.กลับนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง