“เจ้าสัวธนินท์” ชื่นชม “ลุงตู่” มีวินัยการเงิน-คลัง หนุนรัฐบาลเศรษฐาเดินหน้ากระตุ้นศก.

วันนี้คนจนของเราส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร เกิดหนี้นอกระบบ ถึงเวลาที่ทุกพรรคการเมือง นักธุรกิจ ข้าราชการ ต้องมองประโยชน์ของประเทศเป็นหลักก่อน แล้วค่อยพูดถึงตัวเอง บริษัทมาทีหลัง ถ้าประเทศไม่มีกำลังซื้อ นักธุรกิจจะขายสินค้าให้ใคร นายกฯเศรษฐา กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้เงินดิจิทัล พวกเราต้องช่วยกันพูด ว่า ไม่ได้ช่วยคนยากจน แต่เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ วินัยการเงินเรายังไม่เสีย และชื่อเสียงทางการเงินของไทยอยู่ในระดับท็อปของโลก พอเรากระตุ้นแล้วต้องมีแผนต่อไป พร้อมเชื่อมั่นว่า ถ้าเราสามัคคีกัน ภายใต้การนำรัฐบาลชุดนี้ จะเจริญรุ่งเรืองแน่ เพราะเวลานี้ใครๆ ก็อยากมาไทย แม้มีเงินเฟ้อบ้าง ก็อย่าไปกลัว เพราะตนกลัวเงินฝืดมากกว่า เพราะหากเกิดเงินฝืด เศรษฐกิจล้มละลาย ประเทศล้ม นอกจากนี้ตนเองเชื่อมั่นว่า ถ้าทุกคนสามัคคีกันมองประเทศชาติเป็นหลัก และมองตัวเองเป็นรอง ประเทศไทยภายใต้การนำของรัฐบาลชุดนี้จะต้องเจริญรุ่งเรืองแน่นอน

นายธนินทร์ กล่าวอีกว่า เวลานี้ใครๆ ก็อยากมาอยู่เมืองไทย เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะวิกฤตเหมือนกัน แม้สหรัฐจะยังเป็นผู้นำเศรษฐกิจอยู่ แต่เงินเฟ้อ 4% และเศรษฐกิจโต 10% กว่า จึงมองว่าอย่าไปกลัวเงินเฟ้อ เพราะเงินเฟ้อที่ไม่มีเลยคือ เงินฝืด ซึ่งมีความอันตราย เปรียบเหมือนเป็นความดันต่ำ ที่แจกยารักษาได้ยาก และถึงเวลาหนึ่งก็หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิตได้ ซึ่งหากเงินฝืดแล้วอาจทำให้เศรษฐกิจและประเทศชาติล้มละลายได้ ตนห่วงที่สุดคือ เงินฝืด

ทั้งนี้ สำหรับวินัยการเงินไทยถือว่าเยี่ยมมากแล้ว นำมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ โดยเฉพาะธุรกิจในยุคต่อไป โดยมีข้อเสนอแนะ คือ โลกมีวิกฤต แต่อาเซียน 10 ประเทศ ภาพรวมตอนนี้ไม่เหมือนต้มยำกุ้ง แตกต่างกันสิ้นเชิง โดยเฉพาะไทย ที่ชื่อเสียงด้านการเงินของไทยอยู่อันดับต้นๆ ของอาเซียน ทั่วโลกจึงมองว่าอาเซียนทั้ง 10 ประเทศเป็นสถานที่น่าลงทุนมากสุด เศรษฐกิจกำลังเติบโต อีกทั้งปัจจุบันทุกคนสามารถเป็นเถ้าแก่ได้ตั้งแต่อายุยังน้อย โดยไม่จำเป็นต้องเติบโตจากบริษัทใหญ่ เนื่องจากทุกคนสามารถเข้าถึงข้อมูลจากทั่วโลกได้ผ่านโซเชียลมีเดีย ทำให้เกิดธุรกิจสตาร์ทอัพในประเทศไทยจำนวนมาก ซึ่งในอนาคตอาจจะเกิดแนวคิด ทำงาน 3 ท่องเที่ยว 4 วัน เนื่องจากสามารถท่องเที่ยวไปด้วยและทำงานควบคู่ไปด้วยได้