นายหวาง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีน ได้เป็นผู้นำการประชุมกับคณะผู้แทน ซึ่งประกอบด้วยรัฐมนตรีต่างประเทศอาหรับและอิสลาม ในกรุงปักกิ่งของจีน โดยผู้แทนที่มาเข้าร่วมนั้น คือรัฐมนตรีต่างประเทศของซาอุดิอาระเบีย, จอร์แดน อียิปต์, อินโดนีเซีย, และปาเลสไตน์ รวมถึงเลขาธิการใหญ่องค์การความร่วมมืออิสลามด้วย ในการประชุม หวางได้กล่าวว่า เราปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ที่ชอบด้วยกฎหมาย ของประเทศอาหรับและมุสลิมมาโดยตลอด รวมถึงสนับสนุนความพยายามของชาวปาเลสไตน์ ในการฟื้นฟูสิทธิและผลประโยชน์ของชาติ โดยชอบด้วยกฎหมายมาตลอดด้วย
หวางกล่าวต่อว่า ประชาคมระหว่างประเทศต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน โดยใช้มาตรการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้โศกนาฏกรรมนี้แพร่กระจาย โดยนับตั้งแต่ความขัดแย้งปะทุขึ้น จีนได้ทำงานอย่างหนักเพื่อลดความรุนแรง และปกป้องความปลอดภัยของพลเรือน, ขยายการบรรเทาทุกข์ด้านมนุษยธรรม, เรียกร้องให้มีการกลับคืนสู่การแก้ปัญหาแบบ 2 รัฐ, และมีการตระหนักรู้ เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขปัญหาปาเลสไตน์ที่ครอบคลุม ยุติธรรม และยั่งยืน
หวางระบุเพิ่มเติมว่า วันนี้เป็นวันครบรอบ 35 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ระหว่างจีนและปาเลสไตน์ ตนยินดีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะต่างๆ ให้เราได้ทำงานร่วมกัน เพื่อบรรเทาสถานการณ์ในฉนวนกาซาอย่างรวดเร็ว และฟื้นฟูสันติภาพในตะวันออกกลางโดยเร็วที่สุด สิ่งสำคัญอันดับแรกคือ การปฏิบัติตามมติที่เกี่ยวข้องของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติอย่างเต็มที่ และจัดให้มีการหยุดยิงทันที กฎหมายระหว่างประเทศ โดยเฉพาะกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ จะต้องถูกปฏิบัติตาม
ทั้งนี้ มีรายงานว่า สมาชิกถาวรทั้ง 5 ประเทศของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ได้เลือกจีนเป็นก้าวแรกของการผลักดันให้ยุติความเป็นศัตรู ระหว่างปาเลสไตน์และอิสราเอล ซึ่งหวางได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า นี่เป็นการแสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจในระดับสูงต่อจีน โดยจีนถือเป็นเพื่อนและเป็นพี่น้องที่ดี ของประเทศอาหรับและอิสลาม นอกจากนี้ ในฐานะประธานหมุนเวียนของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จีนจะยังคงเสริมสร้างการประสานงานกับประเทศอาหรับและอิสลาม เพื่อสร้างฉันทามติในการดำเนินการสถานการณ์ในฉนวนกาซาต่อไป
ด้านคณะผู้แทน ก็ได้มีการเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศ ดำเนินการอย่างรับผิดชอบ และส่งเสริมการหยุดยิงโดยทันที, จัดส่งสิ่งของช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมไปยังฉนวนกาซาอย่างเต็มรูปแบบ, ปกป้องพลเรือนปาเลสไตน์, และป้องกันการบังคับย้ายถิ่นฐานของพลเมืองในฉนวนกาซาด้วย