พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า ในวันที่ 1 ก.ย. พบมีการนัดหมายชุมนุมเบื้องต้น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มราษฎรตาลีบัน มีการนัดหมายเวลา 14.00 น. บริเวณแยกลาดพร้าว / กลุ่มรามคำแหงเพื่อประชาธิปไตย นัดหมายเวลา 15.00 น. บริเวณหน้าสภารัฐสภา แยกเกียกกาย และ กลุ่มทะลุแก๊ส บริเวณแยกดินแดง จึงย้ำเตือนว่า พื้นที่กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด การรวมกลุ่มชุมนุม ยังไม่สามารถทำได้ โดยจะมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ และความผิดอื่นที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกัน จะมีการชุมนุมบริเวณอาคารรัฐสภาในช่วงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ยืนยันว่าหากพบมีการละเมิดกฎหมาย หรือความพยายามฝ่าฝืนเข้าไปในสถานที่ราชการ เจ้าหน้าที่ก็จำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย พร้อมย้ำว่าตำรวจจะใช้อุปกรณ์ควบคุมฝูงชนตามหลักสากล ดังที่เคยใช้ เช่น แก๊สน้ำตา น้ำสีม่วงผสมแก๊สน้ำตา กระสุนยาง
ขณะที่ การตั้งเครื่องกีดขวาง และปิดเส้นทาง จะพิจารณาตามสถานการณ์ โดยต้องจะคำนึงถึงการเปิดทางเข้าออกสถานที่ การรักษาความปลอดภัยสถานที่ และการลดผลกระทบกับประชาชนทั่วไป แต่กรณีที่ไม่สามารถเข้าออกได้ตามเส้นทางปกติ ก็มีการเตรียมแผนอพยพ และเส้นทางสำรองไว้แล้ว
ส่วนทางแกนนำ หรือผู้ชุมนุมที่มีหมายจับ หากตำรวจพบก็จำเป็นต้องจับกุม เว้นแต่การจับกุม อาจทำให้เกิดความวุ่นวาย ก็อาจมีการติดตามไปจับกุมภายหลัง อีกทั้งในช่วงเดือนก.ค. 64 ถึงปัจจุบัน มีคดีเกี่ยวกับการชุมนุม 169 คดี มีผู้ที่อยู่ในข่ายถูกดำเนินคดี 644 คน จับได้แล้ว 374 คน ขณะที่ภาพรวมตั้งแต่เดือนก.ค. 63 มีจำนวนคดีทั้งสิ้น 421 คดี สอบสวนแล้วเสร็จ 201 คดี อยู่ระหว่างการสอบสวน 220 คดี โดยมีการออกหมายเรียกแล้ว 164 หมาย
นอกจากนี้ การตรวจสอบบุคคลที่ถือปืนในพื้นที่การชุมนุม บริเวณแยกดินแดง เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ทางตำรวจมีข้อมูลอยู่แล้ว โดยพบว่า เป็นอาชีวะกลุ่มหนึ่ง อย่างน้อย 2 คน รวมถึงผู้ที่ร่วมทำร้ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่การชุมนุม พบมีผู้ร่วมก่อเหตุประมาณ 6 คน โดยสามารถจับได้แล้ว 2 คน รวมทั้งการชุมนุมวันดังกล่าว มีรถตำรวจ ถูกวัตถุคล้ายกระสุนปืน ยิงเข้าใส่ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบขีปนวิธี หาทิศทางยิง เพื่อหาตัวผู้ก่อเหตุต่อไป