“เผ่าภูมิ” เชื่อแจกเงินดิจิทัล สร้างเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจกว่า 6 แสนล้านบาท

"เผ่าภูมิ โรจนสกุล" เลขาฯ รมว.คลัง คาดปี 67 เม็ดเงินลงระบบเศรษฐกิจ 6 แสนล้านบาท ชี้แจกเงินดิจิทัลเริ่มช้าสุดมิ.ย.67 ดันจีดีพีโตอีก 2-3% ยืนยัน รัฐบาลทำเต็มที่ พร้อมถอยเพื่อที่จะเดินหน้า ยอมรับว่า การปรับเงื่อนไข จากให้เงินทุกคน

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สิ่งที่รัฐเตรียมไว้ในปี 2567 คือ รัฐบาลมีมาตรการและโครงการขนาดใหญ่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจรวมกว่า 6 แสนล้านบาท ได้แก่ ช่วงประมาณเดือนเม.ย.-พ.ค.67 หรืออย่างช้าในช่วงเดือนมิ.ย.67 จะเห็นโครงการดิจิทัล วอลเล็ต วงเงินรวม 5 แสนล้านบาท กระจายเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

โดยเติมเงินให้คนละ 1 หมื่นบาท ให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งเชื่อว่า ดิจิทัล วอลเล็ต จะช่วยให้จีดีพีขยายตัวได้อีก 2-3% และเชื่อว่าจะเป็นตัวเลขที่ดีที่จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว

นอกจากนั้น จะมีโครงการ E-Refund เพื่อลดหย่อนภาษีสำหรับการใช้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท และกองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่อีก 1 แสนล้านบาท

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ยอมรับว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขไปนั้น ไม่ได้ตรงกับเจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการให้ทุกคน ไม่ใช่สังคมสงเคราะห์ และโจทย์เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ มีเงื่อนไข และการให้เงินดิจิทัล โดยใส่เงื่อนไขรัศมีการใช้จ่าย และระยะเวลาการใช้ 6 เดือน เรียกว่าเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ให้มีการเร่งใช้

อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าว มีข้อทักท้วงติง โดยมองว่า เมื่อแบ่ง 5 กลุ่มของประชาชน พบอัตราส่วนของคนที่ได้รับเงิน คนกลุ่มที่รวยที่สุดมีแนวโน้มจะนำไปใช้น้อย จึงมีข้อท้วงติงว่าคนที่รวยได้รับเงิน จึงรับฟังความคิดเห็น ฉะนั้น เงินที่จะให้ 20% ของกลุ่มบนสุดของประชาชน มาอยู่ในโครงการ E-Refund เพื่อลดหย่อนภาษีสำหรับการใช้จ่าย

“ทุกคนมีสิทธิในโครงการ E-Refund และทุกยอดใช้จ่ายวงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เป็นการนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจได้”

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

ขณะที่โครงการดิจิทัล วอลเล็ต ใช้งบผ่านการออกพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กู้เงิน 5 แสนล้าน สาเหตุที่เลือกใช้แนวทางนี้ เนื่องจากเดิมมีความต้องใจใช้งบประมาณ คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีความเห็นว่าเงินดิจิทัลทุกบาทที่ออกไปจะต้องมีเม็ดเงินมาสนับสนุน แต่ที่ประชุมมองว่าการใช้งบประมาณผูกพัน 4 ปี วันแรกจะมีเงินมาสนับสนุนหรือไม่ และมีความเห็นบางส่วนมองว่ายังไม่มีเงินมาสนับสนุน ฉะนั้น รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องรับฟัง และมีความเห็นเป็นการใช้พ.ร.บ.กู้เงิน

“รัฐบาลทำเต็มที่ และเราถอยเพื่อที่จะเดินหน้า ยอมรับว่า การปรับเงื่อนไข จากให้เงินทุกคน เป็นมีการแบ่งเกณฑ์ รัฐบาลเสียหาย จากเงื่อนไขเดิมที่ทำไม่ได้ แต่เราพร้อมที่จะเดินหน้า มั่นใจว่า พ.ร.บ.ที่จะส่งให้กฤษฎีกา และขั้นตอนต่างๆ จะผ่าน ยืนยันว่า มีความตั้งใจจริง และยอมถอยเพ่อที่จะไปถึงจุดเป้าหมาย”

ทั้งนี้ หากถามว่าประเทศไทยเข้าสู่วิกฤตหรือไม่ หลักคิดวิกฤตไม่อยากให้มองตัวเลขระยะเวลาหนึ่ง และช่วงสงคราม หรือโรคระบาด หากรอเช่นนั้น จะเป็นการรอวิกฤตแล้วค่อยมาแก้ไข ซึ่งจะต้องมองในระยะยาว ว่าประเทศเราอยู่ในสถานะแบบใด

“การเติบโตของเศรษฐกิจ ไตรมาส 3 อยู่ที่ 1.5% เฉลี่ยทั้งปีคาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 2% ต้นๆ เราเรียนว่า ไทยเปรียบเสมือนเดินในลู่วิ่ง โดยค่าเฉลี่ยการเติบโตของจีดีพีโลกอยู่ที่ 3% แต่ไทยอยู่ที่ 2% แสดงว่าเราเดินช้ากว่าโลก และหากเปรียบเทียบกับประเทศที่กำลังพัฒนา ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 4% แต่เราโตเพียง 2%”

 

 

นอกจากนั้น ไทยยังเผชิญในด้านวิกฤตงบประมาณ ซึ่งไทยกำลังสู่สังคมสูงวัย โดยงบประมาณที่เกิดขึ้น สวัสดิการที่รองรับสังคมสูงวัย ซึ่งอนาคตจะถึงทางตัน โดยรายจ่ายผู้สูงอายุจะมากขึ้นเรื่อยๆ ฉะนั้น เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไข ค่าเฉลี่ยผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นปีละ 5% และเราเตรียมจะเห็นการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่เห็นได้น้อย บ่งบอกว่า ณ วันนี้ หากไม่ทำอะไร เราจะเดินไปสู่จุดที่อันตราย และอันตรายเรื่อยๆ

หากมองการเติบโตเศรษฐกิจไทย ค่าเฉลี่ย มีการเติบโตช้า โดยตัวถ่วงสำคัญ คือ เครื่องยนต์ภาคการผลิต ซึ่งฝั่งบริโภคที่ออกมา เป็นการอัดอั้นจากการใช้จ่าย และการท่องเที่ยว แล้วมาใช้จ่ายมาช่วงนี้ ประเทศมีปัญหาทั้งโครงสร้างการผลิต และโครงสร้างประชากร โดยหากแก้ไขโครงสร้างประชากรไม่ได้ ปี 2040 แรงงานไทยจะหายไป 40% คิดเป็น 7 ล้านคน หากไม่มีการกระตุ้นอัตราการเกิด และแรงาน ประเทศจะมีปัญหา

“หากถามว่าเศรษฐกิจขาดภาคผลิต ทำไมกระตุ้นบริโภค เพราะว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ต้องการให้ประชาชน รวมกันในครอบครัว และนำมาลงทุน สร้างรายได้เพิ่ม อีกทั้งมีเม็ดเงินที่ลงในระบบเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการก็จะมีการลงทุนกักตวงผลผลิต”

หากถามว่าเศรษฐกิจขาดภาคผลิต ทำไมกระตุ้นบริโภค เพราะว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ต้องการให้ประชาชน รวมกันในครอบครัว และนำมาลงทุน สร้างรายได้เพิ่ม อีกทั้งมีเม็ดเงินที่ลงในระบบเศรษฐกิจ ผู้ประกอบการก็จะมีการลงทุนกักตวงผลผลิต”

นอกจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี ยังได้เดินสายเป็นเซลล์แมน จับคู่การค้า เพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ ขณะที่การท่องเที่ยว มองว่ารายได้เข้ามาในประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง แต่ไม่ใช่เครื่องยนต์หลักของจีดีพี ไม่เท่าภาคอุตสาหกรรม

อย่างไรก็ตาม ก็ไม่สามารถทิ้งการท่องเที่ยวได้ สิ่งที่ต้องทำ คือ การเพิ่มรายได้ในแต่ละรอบปี โดยไตรมาส 1 และ 4 ของไทยการท่องเที่ยวขยายตัว แต่ช่วงไตรมาส 2 และ 3 ยังหดตัว หากดึงดูดส่วนนี้ได้ จะเป็นการหล่อเลี้ยงประเทศ

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ครูบาอริยชาติ เกจิภาคเหนือวัดแสงแก้วโพธิญาณ เชียงราย สร้างพระพุทธเมตตา จากหยกรัสเซียใหญ่ที่สุดในโลก น้ำหนักกว่า 10 ตัน
นายกฯ-สามี พา "น้องธิธาร" ลูกสาว วิ่งเล่นสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า
กระทรวงดีอี – ดีป้า เปิดศึกบิน – ซ่อมโดรนเกษตรชิงแชมป์ประเทศไทย ในรายการ “Thailand Agriculture Drone Competition 2024”
รพ.อาภากรเกียรติวงศ์ฯ นำ จนท.ตรวจสารเสพติดทหารใหม่ 2,911 นาย เพื่อค้นหาผู้เสพยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา
รถบรรทุกปูนพลิกคว่ำขวางถนนรถติดยาวหลายกิโล
รองนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำภาคอีสาน คุมเข้มแผนบริหารจัดการน้ำ พร้อมเร่งขับเคลื่อนมาตรการแก้ปัญหาภัยแล้ง
เลือกตั้งสหรัฐ: ทั้งสองพรรคมั่นใจว่าจะชนะเลือกตั้ง
แคปซูลส่งกลับ 'เสินโจว-18' ของจีนแตะพื้นโลกปลอดภัย
ผู้เสียหายรวมตัวแจ้งความ "หมอดูฮวงจุ้ยชื่อดัง" เอาผิดฐานฉ้อโกง หลังหลอกให้สั่งซื้อวัตถุมงคลแพงลิ่ว
แวะปั๊มก่อนเลย พรุ่งนี้น้ำมันขึ้นราคา เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ปรับทุกชนิด

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น