นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า สิ่งที่รัฐเตรียมไว้ในปี 2567 คือ รัฐบาลมีมาตรการและโครงการขนาดใหญ่ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจรวมกว่า 6 แสนล้านบาท ได้แก่ ช่วงประมาณเดือนเม.ย.-พ.ค.67 หรืออย่างช้าในช่วงเดือนมิ.ย.67 จะเห็นโครงการดิจิทัล วอลเล็ต วงเงินรวม 5 แสนล้านบาท กระจายเม็ดเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
โดยเติมเงินให้คนละ 1 หมื่นบาท ให้ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 16 ปีขึ้นไป ซึ่งเชื่อว่า ดิจิทัล วอลเล็ต จะช่วยให้จีดีพีขยายตัวได้อีก 2-3% และเชื่อว่าจะเป็นตัวเลขที่ดีที่จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว
นอกจากนั้น จะมีโครงการ E-Refund เพื่อลดหย่อนภาษีสำหรับการใช้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 5 หมื่นบาท และกองทุนเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน ที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมใหม่อีก 1 แสนล้านบาท
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ยอมรับว่าโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ที่ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขไปนั้น ไม่ได้ตรงกับเจตนารมณ์ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการให้ทุกคน ไม่ใช่สังคมสงเคราะห์ และโจทย์เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ มีเงื่อนไข และการให้เงินดิจิทัล โดยใส่เงื่อนไขรัศมีการใช้จ่าย และระยะเวลาการใช้ 6 เดือน เรียกว่าเป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจ ให้มีการเร่งใช้
อย่างไรก็ตาม แนวคิดดังกล่าว มีข้อทักท้วงติง โดยมองว่า เมื่อแบ่ง 5 กลุ่มของประชาชน พบอัตราส่วนของคนที่ได้รับเงิน คนกลุ่มที่รวยที่สุดมีแนวโน้มจะนำไปใช้น้อย จึงมีข้อท้วงติงว่าคนที่รวยได้รับเงิน จึงรับฟังความคิดเห็น ฉะนั้น เงินที่จะให้ 20% ของกลุ่มบนสุดของประชาชน มาอยู่ในโครงการ E-Refund เพื่อลดหย่อนภาษีสำหรับการใช้จ่าย
“ทุกคนมีสิทธิในโครงการ E-Refund และทุกยอดใช้จ่ายวงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ เป็นการนำเงินมากระตุ้นเศรษฐกิจได้”