นายกผู้ประกอบการกลางคืนพัทยา เผยสื่อนอกตีข่าวเกินจริง ตำรวจทำตามขั้นตอน ย้ำภาครัฐควรตรวจสอบจริงจัง ไม่ให้ต่างประเทศดูหมิ่นเมืองไทย

จากกรณี ที่สื่อเยอรมัน ทำสกู๊ปข่าว ขายบริการเด็กในไทย เปิดเผยมีผู้ต้องหาชาวเยอรมัน โดนจับ แต่ติดสินบน 1 ล้าน แล้วหนีกลับประเทศได้นั้น ล่าสุดวันที่ 3 ธ.ค.66 นางลิซ่า แฮมิลตัน นายกสมาคมผู้ประกอบการกลางคืนเมืองพัทยา เปิดเผยว่า หลังจากทราบกระแสข่าวสกู๊ปของสื่อต่างประเทศนั้น ตนเองและกลุุ่มผู้ประกอบการได้ประสานหาข้อมูลจนทราบว่า ชาวต่างชาติรายนี้ได้จ่ายเงินให้กับทนายความจำนวน 1 ล้านบาท เพื่อไปดำเนินการในการประกันตัวออกนอกประเทศ โดยทางทนายได้ทำหนังสือคำร้องขอประกันตัว ซึ่งทางชั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือพนักงานสอบสวน ได้คัดค้านการประกันตัว และนำตัวผู้ต้องหาชาวเยอรมันรายนี้ ส่งศาลเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย

แต่ทางศาลได้พิจารณาว่า ผู้ต้องหา มีที่พักเป็นหลักแหล่ง มีธุรกิจอยู่ที่เมืองไทย และมีภรรยาเป็นชาวไทย และจำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศด้วยเรื่องธุรกิจ ศาลจึงพิจารณา ให้ปล่อยตัวชั่วคราวได้ และวางเงินประกันตัว 5 แสนบาท และให้กลับมารายงานตัวในวันที่ 14 พ.ย.65 แต่แล้วชาวต่างชาติรายนี้กลับหลบหนีไปไม่มาตามนัดหมายศาล

ข่าวที่น่าสนใจ

ซึ่งหากผู้รับชมคลิปวิดีสกู๊ปข่าวนี้ จะเข้าใจผิดว่า ตำรวจเป็นผู้ปล่อยตัวผู้ต้องหา แต่โดยทางขั้นตอนแล้ว เป็นคำสั่งของศาล ซึ่งคลิปวิดีโอนี้ ส่งผลกระทบให้เสียหายในหลายด้าน โดยเฉพาะภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของเมืองพัทยา และตำรวจท้องที่เมืองพัทยา เสียหาย ส่งผลให้ตำรวจที่ปฎิบัติงานอย่างดีหมดกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งภาพลักษณ์ของผู้ประกอบการกลางคืนเสียหายเป็นอย่างมาก ซึ่งตนเองมองว่า คลิปสกู๊ปดังกล่าวนำเสนอเกินความเป็นจริง ไม่แฟร์สำหรับเมืองพัทยา จึงอยากให้ภาครัฐตรวจสอบคดีนี้อย่างจริงจัง เพื่อปกป้องชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ และเป็นตัวอย่างให้สื่อต่างประเทศ ไม่ควรนำเมืองไทยไป ปู้ยี่ปู้ยำ ทำลายชื่อเสียง แบบนี้

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา กลุ่มผู้ประกอบการกลางคืน ได้รณรงค์ป้องกันไม่ให้มีการค้ามนุษย์ และเด็กอายุต่ำกว่ากฎหมายกำหนด ในสถานประกอบอยู่ตลอดเรื่อยมา ล่าสุดจะจัดทำคลิปวิดีโอสั้น เกี่ยวกับเรื่องการค้ามนุษย์ และบทลงโทษที่จะเกิดขึ้นหากกระทำผิด เพื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ ตามสื่อและช่องทางต่างๆ เพื่อปลูกฝังให้ผู้ประกอบการมีจิตสำนึก เกรงกลัวต่อกฎหมายและโทษของการค้ามนุษย์ จนไม่กล้าที่จะกระทำผิดอีกต่อไป

ในส่วนของการดำเนินการกับทางร้าน Cobra Beer Bar บาร์เบียร์ต้นเหตุ เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองได้มีการดำเนินการสั่งปิดกิจการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่วันที่ 22 ก.ย.65

 

ภาพ/ข่าว อนันต์ กิ่งสร / ชัยยศ ผู้สื่อข่าว ประจำ จ.ชลบุรี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมียไรเดอร์ เปิดใจเสียงสั่น กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังรู้ข่าว หนุ่มอินเดียซิ่งเก๋งได้ประกันตัว ลั่น ‘คนมีเงินมันยิ่งใหญ่’
นายกฯ เปิดงาน Thailand Reception เชิญชวนสัมผัสเสน่ห์อาหารไทย ชูศักยภาพเศรษฐกิจ
จีนแห่ ‘โคมไฟปลา’ แหวกว่ายส่องสว่างในอันฮุย
"พิพัฒน์" ตรวจเยี่ยมเอกชน ต้นแบบอุตสาหกรรม ผลิตด้วยเทคโนฯ AI พร้อมเร่งนโยบาย up skill ฝีมือแรงงานไทย
ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น