วันที่1 ก.ย. 2564 นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าติดตามการอภิปรายนอกสภา แถลงว่า หลังจากได้ติดตามการอภิปรายของฝ่ายค้านตั้งแต่เมื่อวานนี้ยืนยันว่าตั้งแต่เปิดตัว ผู้นำฝ่ายค้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้คนหัวเราะทั้งประเทศ ทั้งการเอ่ยชื่อนายกรัฐมนตรีว่าเป็นพลเอกประยุทธ์ ยงใจยุทธ พูดผิดถึง 2 ครั้งในสภาไม่น่าเชื่อว่าจะผิดซ้ำแล้วซ้ำอีก แสดงถึงความไม่พร้อมหรือไม่ตั้งใจในการอภิปราย จึงขอตั้งชื่อว่าเป็นผู้นำฝ่ายขายหัวเราะ ทำให้กลายเป็นสภาโจ๊กไปแล้ว
โดยเนื้อหาการอภิปรายของฝ่ายค้านทุกคนไม่มีข้อมูลข้อกล่าวหาอะไรมีแต่อคติเป็นส่วนใหญ่ เช่นนายประเสริฐจันทรรวงทองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยกล่าวหาเรื่องการทุจริตจัดซื้อวัคซีนว่ามีเงินทอนซึ่งเป็นการกล่าวหาอธิบดีองค์การเภสัชกรรมและผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุขให้เสียหายทั้งที่ได้ชี้แจงไปแล้วว่ามีการตั้งงบประมาณแต่มีการเบิกจ่ายตามจริง ไม่ได้มีเงินทอน ตามที่นายประเสริฐกล่าวหา และทางองค์การเภสัชกรรมและผู้บริหาร เป็นบุคคลที่สามพาดพิงถึงบุคคลภายนอกที่ ไม่ได้มีสิทธิ์ในการชี้แจงในห้องประชุมสภา ทำให้เกิดความเสียหายเสื่อมเสียถึงองค์กรหน่วยงานซึ่งสามารถดำเนินคดีต่อนายประเสริฐได้
โดยเฉพาะนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่อภิปรายเมื่อวานนี้ ที่บอกว่ามีทีเด็ดทำให้นายกรัฐมนตรีอยู่ไม่ได้อย่างแน่นอน เมื่อเปิดการอภิปรายและเปิดข้อมูลมาปรากฏว่า ไม่สมราคาคุย อภิปรายจืดชืดไม่มีอะไรข้อมูลอะไรใหม่เลย เป็นเพียงการจินตนาการต่อจิ๊กซอว์ไปเอง ใช้ความเชื่อส่วนตัวคิดไปเอง ซึ่งไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏอยู่เลย
นายเสกสกล ยังกล่าวถึงนายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคไทยศรีวิไลย์ว่าใช้ถ้อยคำหยาบคายจ้องจะด่าอย่างเดียว เหมือนเป็นนักเลงอันธพาลของสภา จึงทำให้พลเอกประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกล่าวถึงเรื่องนี้ว่าสำเนียงส่อภาษากิริยาส่อสกุล
ทีมวาร์รูม ติดตามการอภิปรายนอกสภาสรุปได้ว่า การอภิปรายของฝ่ายค้านตลอด 1 วันครึ่งที่ผ่านมานี้ไม่มีอะไรใหม่ไม่มีใบเสร็จข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงมีแต่การกล่าวหาใช้วาทกรรมกล่าวร้ายป้ายสีโจมตีนายกฯ เท่านั้น เหมือนเป็นการต้องการทำให้นายกฯเก็บความอดทนอดกลั้นไม่อยู่ แต่นายกรัฐมนตรีใช้ความนิ่งตอบอย่างมีเหตุมีผลไม่ใช้อารมณ์
นอกจากนี้มองว่าการเดินเกมทั้งในและนอกสภาของฝ่ายค้านต้องการที่จะล้มรัฐบาลเพื่อต้องการกลับมามีอำนาจให้ได้ตามแผนของนายใหญ่ที่อยู่ดูไบ นั่นคือ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ใช้เครือข่ายขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง ให้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตรมช. พาณิชย์ จัดม็อบป่วนภายนอกสภาในวันที่ 2 ก.พ. นี้ รวมถึงเล่นการเมืองเถื่อนนอกสภา
โดยให้ส.ส.บางคนในพรรคเพื่อไทย คือ นายอนุรักษ์ ตั้งปณิธานนท์ ส.ส.มุกดาหาร ให้หัวคะแนนล่ารายชื่อประชาชน เพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรี ใช้วิธีบังคับให้ประชาชนลงชื่อโดยไม่ได้ใช้วิธีการประชาธิปไตยควรให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจเองไม่ใช่บังคับหัวคะแนนหรือใช้หัวคะแนนดำเนินการ การกระทำดังกล่าวจึงถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
ทั้งนี้ในส่วนของนางสาวอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย โดยได้ให้เจ้าหน้าที่ได้ยื่นคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต.ให้ยุบพรรคเพื่อไทยแล้วภายหลังดูถูกดูแคลนว่าวัคซีน แอสตราเซเนกา เป็นขยะต่างประเทศแต่ไทยกับนำมาเป็นสมบัติของไทย แต่สวนทางกับนายแพทย์ชลน่านศรีแก้วที่อภิปรายด้อยค่าวัคซีน ซิโนแวค และเรียกร้องว่าให้จัดซื้อวัคซีน แอสตราเซเนกาเข้ามา ซึ่งมีความย้อนแย้งขัดแย้งกันเองในพรรคเพื่อไทย