องค์กรเพื่อความโปร่งใสระหว่างประเทศ สาขายูเครน ได้เปิดเผยถึงการสำรวจในเดือนพฤศจิกายน ที่แสดงให้เห็นถึงมุมมองของประชาชนเกี่ยวกับการฟื้นฟูประเทศยูเครน โดย 73 เปอร์เซ็นต์ หรือ 3 ใน 4 ของชาวยูเครนคาดว่า การสร้างประเทศขึ้นมาใหม่ จะใช้เวลามากกว่า 10 ปี หรือมากกว่านั้น ขณะที่ในเรื่องเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้น 70 เปอร์เซ็นต์เชื่อว่า กระบวนการนี้จะคงอยู่ต่อไปอีก 10 ปี หรือมากกว่านั้น
ทั้งนี้ ประชาชนเห็นว่า รัฐบาลควรมีการปรึกษาพูดคุยกับประชาชน เกี่ยวกับประเด็นการฟื้นฟูมากถึง 93 เปอร์เซ็นต์ โดยประชาชนต่างเห็นว่า การทุจริตเป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดในการฟื้นฟูประเทศใหม่ ประชาชนมีความกังวลที่จะเกิดแผนการทุจริตถึง 79 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับการขาดการควบคุม จนนำไปสู่การยักยอกเงิน มีถึง 75 เปอร์เซ็นต์
ด้านนางอนาสตาเซีย มาซูร็อก รองผู้อำนวยการบริหารขององค์กรความโปร่งใสระหว่างประเทศได้ระบุว่า ภายในสิ้นปี 2023 ชาวยูเครนมุ่งความสนใจไปที่ปัญหาภายในมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้คนต่างมองว่า การคอร์รัปชั่นเป็นความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับยูเครน การศึกษาครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ชาวยูเครนเริ่มมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น ไม่เพียงแต่เพื่อผลลัพธ์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงการมีการสื่อสารที่ชัดเจน เพื่อให้พวกเขาไม่ต้องมาวิตกในเรื่องนี้ ประชาชนต้องการการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และการพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาจากเจ้าหน้าที่ด้วย
ขณะเดียวกัน ทางสถาบันคีลเพื่อเศรษฐกิจโลก ได้มีการเผยแพร่ผลการศึกษาเกี่ยวกับข้อมูลความช่วยเหลือยูเครนจากตะวันตก พบว่า ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม 2023 มูลค่ารวมของแพ็คเกจความช่วยเหลือใหม่มีมูลค่า 2.11 พันล้านยูโร ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนมกราคม 2022 ถือว่าเป็นการลดลงถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ สหรัฐยังคงเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือทางทหารรายใหญ่ที่สุด ด้วยมูลค่ารวม 4.4 หมื่นล้านยูโร ตามมาด้วยเยอรมนี ที่ให้ความช่วยเหลือด้วยมูลค่ารวมกว่า 1.7 หมื่นล้านยูโร อย่างไรก็ดี หากดูจากผู้บริจาคที่สถาบันคีลได้ติดตามอยู่ จากเดิมมี 42 ราย แต่ในช่วงเดือนสิงหาคม-ตุลาคม มีผู้บริจาคแพ็คเกจความช่วยเหลือใหม่ๆ อยู่ที่เพียง 20 รายเท่านั้น
นายคริสตอฟ เทรเบช หัวหน้าทีมที่ดูแลระบบติดตามการสนับสนุนยูเครน และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยของสถาบันคีล ได้ระบุไว้ในแถลงการณ์ว่า ตัวเลขของเรายืนยันถึงทัศนคติของผู้บริจาค ที่มีความลังเลมากขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความช่วยเหลือเพิ่มเติมของสหรัฐ (ที่วุฒิสภาพรรครีพับลิกันของสหรัฐ เพิ่งขัดขวางความช่วยเหลือฉุกเฉินในยูเครนมูลค่า 6.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐไป) ยูเครนก็ได้แต่หวังว่าในที่สุด สหภาพยุโรปจะผ่านแพ็คเกจการสนับสนุนที่ได้เคยประกาศไว้นานแล้ว เพราะหากยังคงล่าช้าออกไปอีก ก็จะยิ่งทำให้จุดยืนของผู้นำรัสเซีย แข็งแกร่งขึ้นมาอย่างชัดเจน