สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 66 เพจเฟซบุ๊ก “วันนั้นเมื่อฉันสอน” ได้โพสต์เรื่องราวของนายชัยยศ สุขต้อ ตำแหน่งครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3) โรงเรียนบ้านยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ พร้อมระบุว่า จบแล้วนะครับ กับกรณีครูที่ตรวจรับอาหารกลางวัน แม้ลูกศิษย์ที่เคยเรียนจะยื่นทัดทานอย่างไร แต่ผลสุดท้ายลงเอยโดยการถูก “ปลดออกจากราชการ”
ทางเพจ วันนั้นเมื่อฉันสอน ติดตามกรณีครูทำอาหารกลางวันในโรงเรียนขยายโอกาสเลี้ยงเด็กบนดอยซึ่งงบประมาณครอบคลุมแค่ ป.6 แต่นำไปเลี้ยงจนถึง ม.3 คำว่าโรงเรียนขยายโอกาส คือ โรงเรียนที่เด็กไม่มีทางเลือก ยากจนและขาดโอกาส ทำให้คนเป็นครูอดไม่ได้ที่จะเห็นลูกศิษย์ทนหิวคนหนึ่งกินอีกคนไม่ได้กิน ไม่มีนิยามใดบนโลกที่บอกว่าเมื่อขึ้น ม.1 ความยากจนจะหมดพ้นไป จึงต้องกระทำไปแบบนั้น
งบเท่าเดิมคนมากขึ้นย่อมกระทบต่อปริมาณและคุณภาพเป็นมูลเหตุให้ผู้ปกครองบางคนไม่พอใจและร้องเรียน แทนที่จะชื่นชมว่างบประมาณเท่านี้แต่สามารถเลี้ยงคนได้มากกว่าที่ให้ กลับหาทางเล่นงาน
ครูชัยยศเองมีชื่อเป็นกรรมการตรวจรับ ซึ่งยอมรับว่าไม่ได้มีความรอบคอบมากพอโดนหางเลขไปด้วยเนื่องจากมีการเบิกจ่ายไม่เป็นไปตามระเบียบ ผลสุดท้ายไม่ว่าจะทำคุณงามความดีมาขนาดไหน ได้รางวัลอะไรส่งนักเรียนเรียนต่อถึงปริญญาตรี อุทิศเวลาทั้งชีวิตเพื่อสั่งสอนเด็ก แต่เส้นทางราชการก็ต้องสิ้นสุดลง ไม่มีใครช่วยเหลือได้ ไม่มีอะไรปกป้อง
ผมขอคุยกับครูชัยยศแต่เจ้าตัวเหมือนรับสภาพไปแล้ว สูญสิ้นศรัทธาต่อความดีงามไม่อยากที่จะคุยกับผม จนกระทั่งเย็นแกจึงยอมเล่าเพื่อเป็นอุทาหรณ์
ผู้ชายคนหนึ่งที่ใช้เงินตัวเองส่งเสียลูกศิษย์บ่มเพาะและสั่งสอนจนเรียนจบได้ดีมีการมีงาน มั่นใจอย่างแน่แท้ว่าเขาไม่ได้มีผลประโยชน์จากอาหารกลางวันนี้ แต่ต้องมาจบเส้นทางราชการลง เพราะมีชื่อเป็นกรรมการตรวจรับทั้งที่เขาไม่เคยได้รับผลประโยชน์อันใดจากมัน
ด้วยคำตัดสินที่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ไม่มีสถานอื่นใดนอกจากออกจากราชการเท่านั้น ครูชัยยศยอมรับว่าไม่ได้มีความรู้มากมายในเรื่องพัสดุ เพราะตนเป็นครูผู้สอน แต่ความผิดที่ได้รับนั้นตนไม่ได้ประโยชน์แต่กับลงทัณฑ์อย่างสาหัส ไม่มีรอมชอม และถูกตราหน้าว่าผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
คนที่ไม่เคยได้ประโยชน์อันใดจากสิ่งที่ทำกลายเป็นคน “ทุจริต”
ใครที่ผ่านไปทางอมก๋อยก็ฝากอุดหนุนโรตีของครูเขาด้วยนะครับ เพราะนั่นคืออาชีพเดียวที่เขาหลงเหลืออยู่ ชายที่อุทิศทั้งชีวิตเพื่อนักเรียนหมดสิ้นแล้วทุกสิ่ง
เรื่องนี้อยากให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผู้เขียนเห็นว่าในโรงเรียนขยายโอกาส ถ้าโรงเรียนบริหารจัดการได้ก็ควรให้เลี้ยงได้ถึง ม.3 เลย หรือจะให้ดีก็ควรมีงบประมาณมาเพิ่ม
ความยุติธรรมที่มาช้าคือ ความอยุติธรรม บางทีผมก็สงสัยนะว่า ทำไมครูไทยต้องมาทำอะไรแบบนี้ เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งยังเอากระดูกมาแขวนคอ เมื่อไหร่จะให้ครูได้ต่อสู้แค่กับความไม่รู้ของนักเรียนเพียงอย่างเดียว นี่คือสิ่งที่กระทำต่อครูโดยระบบการศึกษา ครูไม่ได้ประโยชน์จากการตรวจรับแต่เวลาลงทัณฑ์ ประหัตประหารกันถึงขีดสุด
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้กับครูรุ่นใหม่ว่าหากไม่อยากออกจากราชการและอยู่จนเกษียณอย่าไปยุ่งกับการตรวจรับ ไม่รู้อย่าเซ็น ไม่แน่ใจอย่าเซ็น ไม่ละเอียดอย่าเซ็น ผิดมาจะอ้างไม่รู้ไม่ได้ เพราะไม่มีความดีใดปกป้องคุณได้ และเรื่องนี้จะยังเป็นชะตากรรมที่ครูไทยต้องพบเจอสืบไป
หากคุณคิดว่าสิ่งที่ครูคนหนึ่งที่ทำเพื่อเด็กเหมาะสมแล้วก็เลื่อนผ่านโพสนี้ไปไม่ใช่เรื่องของเราซักหน่อย แต่หากคุณคิดว่ามันไม่ถูกต้องโปรดช่วยแชร์เรื่องราวนี้ออกไปเพื่อช่วยเหลือให้มนุษย์ผู้หนึ่งยังไม่สิ้นศรัทธาในความถูกต้องและขอให้ทบทวนเพื่อมีการเปลี่ยนแปลง