ชาวโมร็อกโกประมาณ 3 พันคนรวมตัวกันในกรุงราบัต เมืองหลวงของโมร็อกโก นำโดยพรรค PJD ซึ่งเป็นพรรคอิสลามิสต์ที่ใหญ่ที่สุดของโมร็อกโก การประท้วงเกิดขึ้นเพื่อประณามการโจมตีของอิสราเอลต่อฉนวนกาซา ผู้ประท้วงต่างโบกธงปาเลสไตน์ พร้อมตะโกนหลายประโยคเช่น “ปาเลสไตน์ ไม่ได้มีไว้ขาย”, “การต่อต้านมุ่งหน้าสู่ชัยชนะและการปลดปล่อย”, “ประชาชนต้องการยุติการฟื้นฟู” โดยประโยคหลังนี้หมายถึงนโยบายของโมร็อกโกและรัฐอาหรับอื่นๆ ที่กำลังกระชับความสัมพันธ์กับอิสราเอลให้เป็นปกติ นอกจากนี้ ผู้ประท้วงยังได้เรียกร้องให้คว่ำบาตรแบรนด์ที่พวกเขาเห็นว่า สนับสนุนอิสราเอลด้วย
ผู้ประท้วงได้ระบุว่า คำประท้วงดังกล่าว เกิดขึ้นโดยกลุ่มปฏิบัติการแห่งชาติเพื่อปาเลสไตน์ (National Action Group for Palestine) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะยกเลิกการฟื้นฟูความสัมพันธ์กับอิสราเอล ให้เป็นปกติ ชาวโมร็อกโกต้องการปฏิเสธคำร้องดังกล่าว ด้วยคะแนนเสียงของประชาชน พลเมืองโมร็อกโกจำนวนมาก กำลังลงนามในคำร้องนี้
ทั้งนี้ โมร็อกโกตกลงที่จะกระชับความสัมพันธ์กับอิสราเอลในปี 2020 ภายใต้ข้อตกลงโดยฝ่ายบริหารของสหรัฐ ที่มีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำในขณะนั้น โดยสหรัฐจะยอมรับอธิปไตยของโมร็อกโก เหนือดินแดนพิพาทของซาฮาราตะวันตกด้วย ซึ่งแม้ว่าโมร็อกโกและอิสราเอล จะยังไม่เสร็จสิ้นกระบวนการจัดตั้งสถานทูตในประเทศของกันและกันอย่างเต็มรูปแบบ ตามที่ตกลงกันไว้ แต่พวกเขาก็ขยับเข้าใกล้กันมากขึ้น ด้วยการลงนามในสนธิสัญญาความร่วมมือด้านกลาโหม
อย่างไรก็ดี แม้จะมีนโยบายกระชับความสัมพันธ์กับอิสราเอลให้เป็นปกติ แต่ทางการโมร็อกโกก็ระบุว่า พวกเขายังคงสนับสนุนการก่อตั้งรัฐปาเลสไตน์ และเรียกร้องให้มีการหยุดยิงถาวรในฉนวนกาซา และคุ้มครองพลเรือนทุกคนที่นั่นต่อไป ซึ่งนับตั้งแต่เริ่มสงครามในฉนวนกาซาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พรรคและกลุ่มอิสลาม รวมถึงฝ่ายซ้ายในโมร็อกโก ได้ออกมาพูดต่อต้านนโยบายการฟื้นฟูมากขึ้นเรื่อยๆ