เปิดคำพิพากษายุติธรรม ชี้ชัดผลลงโทษ “ไอซ์ รักชนก” จำเลยเลี่ยงไม่พิสูจน์ หักล้าง ข้อกล่าวหาหมิ่น จาบจ้วง

ศาลอาญานัดฟังคำพิพากษา ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ 683/2565 ระหว่าง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 10 สำนักงานอัยการสูงสุดโจทก์ นางสาวรักชนก ศรีนอก จำเลย โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2564 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ โดยการนำเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญา โดยจำเลยใช้บัญชีทวีตเตอร์ “ไอซ์ หรือ @nanaicez” ของจำเลยโพสต์ (Tweet) ข้อความว่า “พูดตรงๆนะ ที่พวกเราต้องมาเจอวิกฤตวัคซีนแบบทุกวันนี้ เริ่มต้นก็เพราะรัฐบาลผูกขาดวัคซีนเพื่อหาซีนให้เจ้า สร้างวาทะกรรมของขวัญจากพ่อต่างๆ เล่นการเมืองบนวิกฤตชีวิตของประชาชน ผลสุดท้ายคนที่ซวยที่สุดคือประชาชน #28กรกฎาร่วมใจใส่ชุดดำ” พร้อมรูปภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ ประกอบป้ายข้อความว่า “ทรราช (คำนาม) TYRANT; ผู้ปกครองบ้านเมืองที่ใช้อำนาจสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้ที่อยู่ใต้การปกครอง” ลงบนแอปพลิเคชันทวิตเตอร์ ทำให้เข้าใจความหมายได้ว่า พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ เป็นผู้ปกครองบ้านเมืองที่ทำให้ประชาชนเดือดร้อน โดยประการที่จะทำให้พระบาทสมเด็จพระวชิระเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ทรงถูกดูหมิ่นหรือทรงถูกเกลียดชัง อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และเป็นการนำข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิด เกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญาในสภาพที่ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันผ่าฝืนต่อกฎหมาย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อระหว่างวันที่ 18 กรกฎาคม 2564 ถึงวันที่ 9 สิงหาคม 2564 วันและเวลาใดไม่ปรากฎชัด จำเลยหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ โดยการเผยแพร่หรือส่งต่อซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวลกฎหมายอาญา โดยจำเลยใช้บัญชีทวีตเตอร์ “ไอซ์ หรือ @nanaicez” ของจำเลย โพสต์ซ้ำ(retweet) ข้อความที่ผู้ใช้บัญชีทวีตเตอร์ “CHANI หรือ @ratsinapata” โพสต์ (tweet) ข้อความว่า “เราไม่เป็นไทจนกว่ากษัตริย์จะถูกแขวนคอด้วยลำไส้ของขุนนางคนสุดท้าย” #ล้มราชวงศ์จักรี” ประกอบข้อความที่ผู้ใช้บัญชีทวีตเตอร์”นิรนาม หรือ @๒๓๑๐๒๒”โพสต์ (Tweet) ข้อความว่า “เราจะไม่เป็นไทจนกว่ากษัตริย์จะถูกแขวนคอด้วยลำไส้ของขุนนางคนสุดท้าย” #ชิราลงกรณ์เป็นฆาตกร #ม็อบดตุลา #๑๖ตุลาไปแยกปทุมวัน” ลงบนแอปพลิเคชันทวิตเตอร์ ทำให้เข้าใจความหมายได้ว่าเป็นการแสดงความอาฆาตมาดร้ายและไม่เคารพสักการะพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ โดยประการที่น่าจะทำให้พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 พระมหากษัตริย์ ทรงเสื่อมเสียพระเกียรติยศ ทรงถูกดูหมิ่นหรือทรงถูกเกลียดชัง อันเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ และเผยแพร่หรือส่งต่อ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ในสภาพที่ ระบบคอมพิวเตอร์อาจประมวลผลได้ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็น ข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักรตามประมวล กฎหมายอาญา โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 112 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 3,14 (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2560 มาตรา 8

จำเลยให้การปฏิเสธ คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าโจทก์มีนาง ม. เป็นพยานเบิกความว่า พยานเป็นสมาชิกแอปพลิเคชันไลน์แบบกลุ่ม ได้รับภาพที่ส่งเข้ามาในกลุ่มไลน์ ซึ่งจำเลยเป็นผู้ทวีตภาพและข้อความ และรีทวีต (RETWEET) ซึ่งพยานเห็นว่า การทวิตของจำเลยเป็นการใส่ร้ายพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 10 ส่วนการรีทวิตของจำเลยมีการระบุชื่อของรัชกาลที่ 10 และมีเนื้อหาที่เป็นการเหยียดหยาม ดูหมิ่น อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ เนื่องจากมีรูปโพรไฟล์และชื่อของจำเลยเป็นผู้โพสต์ข้อความ พยานจึงนำภาพและข้อความดังกล่าวไปแจ้งความกล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับจำเลยที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) และยังมีพันตำรวจโท ภ. เป็นพยานเบิกความว่า พยานได้รับการประสานให้เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีทวิตเตอร์ของจำเลยและบัญชีที่เกี่ยวข้องกับการรีทวีต แล้ว ผลการตรวจสอบบัญชีทวิตเตอร์ของจำเลยมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยมีการโพสต์ภาพของบุคคลและมีการเชื่อมโยง กับบัญชีเฟซบุ๊ก ชื่อ RUKCHANOK SRINORK และมีอินสตาแกรมโดยมีชื่อผู้ใช้บัญชี USER NAMEเช่นเดียวกัน

จำเลยให้การต่อสู้ประการหนึ่งว่า ภาพและข้อความตามฟ้องเป็นการใส่ร้ายตนจากบุคคลที่เห็นต่างทางการเมือง หากตนโพสต์ภาพและข้อความตามฟ้อง ซึ่งมีเนื้อหาค่อนข้างร้ายแรงแล้ว ย่อมต้องถูกดำเนินคดีอย่างแน่นอน เพราะมีบุคคลที่จ้องจะเล่นงานตนอยู่แล้ว ตนจึงไม่มีทางที่จะโพสต์ภาพและข้อความตามฟ้อง และตนมีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข แต่กลับได้ความจากพยานโจทก์ ปากนาง ม. ซึ่งไม่เคยรู้จักกับจำเลยเป็นการส่วนตัว หรือมีสาเหตุบาดหมางกับจำเลยมาก่อน ทั้งเมื่อไม่ปรากฎว่า นาง ม. เป็นนักการเมือง หรือมีส่วนได้เสียทางการเมือง การที่นาง ม. นำภาพและข้อความตามฟ้อง มาแจ้งความกล่าวหาให้ดำเนินคดีกับผู้ที่โพสต์ นับว่าเป็นการทำหน้าที่ของปวงชนชาวไทย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 50 (1) จึงเชื่อว่า นาง ม. แจ้งความและเบิกความไปตามสิ่งที่ตนพบเห็น โดยไม่มีเจตนากลั่นแกล้งจำเลยแต่อย่างใด

หากจำเลยมีความศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแล้ว ย่อมไม่อาจมีการโพสต์ข้อความใดๆ ในทางลบ ให้นาง ม. หรือประชาชนทั่วไปได้พบเห็น ข้ออ้างของจำเลยในส่วนนี้จึงไม่น่าเชื่อถือ ประกอบกับในชั้นสอบสวน จำเลยให้การปฏิเสธ โดยไม่ได้ให้การในรายละเอียดแต่ประการใด ซึ่งจำเลยให้การเพียงว่า “ขอไม่ให้การ” และเมื่อพนักงานสอบสวนถามถึงโทรศัพท์เคลื่อนที่ของจำเลย จำเลยก็ให้การว่า “ไม่ได้เอามา” โดยจำเลยมิได้ให้การโต้แย้งว่าเป็นภาพตัดต่อหรือโต้แย้งว่าตนถูกใส่ร้ายทางการเมือง รวมทั้งมิได้ขวนขวายที่จะขอส่งมอบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของตนให้พนักงานสอบสวนทำการตรวจสอบข้อมูล ทั้งที่เป็นการไม่ยากที่จะกลับไปเอาหรือส่งมอบให้ภายหลังในระยะเวลาอันสมควร ทั้งที่จำเลยถูกแจ้งข้อหาในความผิดร้ายแรงที่กระทำต่อพระมหากษัตริย์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากมีการตัดต่อนำภาพโปรไฟล์ของจำเลยมาโพสต์เพื่อใส่ร้ายจำเลยจริงแล้ว เชื่อว่าจำเลยย่อมต้องให้การโต้แย้งต่อพนักงานสอบสวนว่ามีการตัดต่อภาพเพื่อใส่ร้ายตน พฤติกรรมของจำเลยที่ไม่ขอตอบข้อซักถามของพนักงานสอบสวนและไม่ขวนขวายในการแสดงหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตน จึงเป็นการผิดวิสัยของประชาชนคนไทยทั่วไปที่สืบสานวัฒนธรรมและทัศนคติในการเคารพองค์พระมหากษัตริย์มาอย่างยาวนานหลายชั่วอายุคน ซึ่งการจะมีหลักฐานทางระบบคอมพิวเตอร์หลงเหลืออยู่หรือไม่ ต้องพิจารณาพฤติกรรมของจำเลยในการให้ความร่วมมือและการเสนอพยานหลักฐานเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจด้วย และไม่มีเหตุใดให้เชื่อว่าพนักงานสอบสวน นาง ม. ผู้กล่าวหา จะร่วมกันคิดสร้างหรือกำหนดจัดแต่ง URL รวม 4 URL ขึ้นมาเองเพื่อเอาผิดจำเลย ซึ่งแต่ละ URL จะมีรายละเอียดแตกต่างกัน จำเลยเองกลับมิได้ให้การทักท้วงหรือปฏิเสธถึงความมีอยู่หรือความถูกต้องของ URL ดังกล่าวในชั้นสอบสวน ซึ่งเป็นระยะเวลาใกล้ชิดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อันเป็นระยะเวลาที่เชื่อว่าจำเลยไม่อาจคิดหาหนทางบิดเบือนข้อเท็จจริงได้ดังเช่นข้อต่อสู้ในชั้นพิจารณา ซึ่งเป็นระยะเวลาห่างจากที่จำเลยให้การในชั้นสอบสวนประมาณ 1 ปี 6 เดือน

ข้อต่อสู้ของจำเลยในชั้นพิจารณาจึงมีน้ำหนักน้อย พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาประกอบกับพฤติกรรมของจำเลยซึ่งไม่นำพาหรือขวนขวายที่จะให้การหรือแสดงหลักฐานใดเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนในชั้นสอบสวนอันเป็นการผิดวิสัยของบุคคลทั่วไปในฐานะปวงชนชาวไทย ซึ่งต้องเคารพและไม่ละเมิดต่อองค์พระมหากษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกฉบับเชื่อว่าจำเลยได้โพสต์หรือทวิตและรีทวิตภาพและข้อความลงในระบบคอมพิวเตอร์ตามฟ้องภาพและข้อความตามฟ้อง นับว่ามีเนื้อหาซึ่งเป็นการกล่าวร้ายและอาฆาตมาดร้ายต่อพระชนม์ชีพของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 และราชวงศ์จักรี ซึ่งย่อมหมายถึงพระราชินีด้วย

จำเลยจึงมีความผิดต่างกรรมต่างวาระพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 (2) การกระทำของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินีฯ และ ฐานนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ เป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น แสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินีฯ จำคุก กระทงละ 3 ปี รวมสองกระทง คงจำคุก 6 ปี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น