สถานการณ์ความเป็นอยู่ของผู้พลัดถิ่นในฉนวนกาซา มีแต่ย่ำแย่ลง ล่าสุดช่วงคืนวันพุธที่ผ่านมาตามเวลาท้องถิ่น ได้เกิดลมแรงและฝนตกหนักในฉนวนกาซา ผู้พลัดถิ่นในแคมป์เต็นท์ที่ราฟาห์ ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ทราย ที่เต็มไปด้วยขยะ ต้องพยายามช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากการต้องจมอยู่กับน้ำ มีการแบกถุงทรายมากั้นน้ำทั้งภายในและนอกเต็นท์ ทั้งนี้ บางครอบครัวมีเต็นท์ดีอยู่ แต่บางครอบครัวต้องใช้ผ้าใบหรือพลาสติกใส มาทำเป็นที่อยู่อาศัย เต็นท์หลายแห่งไม่มีผ้าปูพื้น ผู้คนต้องนอนอยู่ทรายเปียกๆ
นางยัสมิน มานี ผู้พลัดถิ่นรายหนึ่งกล่าวว่า เธอตื่นขึ้นมาในตอนกลางคืนและพบว่า ลูกคนเล็กของเธอซึ่งอายุ 7 เดือน กำลังเปียกโชกอยู่ ครอบครัวของเธอที่มีสมาชิก 5 คน ต้องแบ่งใช้ผ้าห่มผืนเดียวกัน หลังจากต้องพลัดถิ่นเพราะบ้านถูกทำลายจากการโจมตีทางอากาศของอิสราเอล ครอบครัวเธอย้ายมา 5 ครั้งแล้ว การหลบหนีมีเพียงเสื้อที่สวมอยู่ตัวเดียว ติดตัวอยู่เท่านั้น
ขณะเดียวกัน ทางด้านนางลินน์ แฮสติงส์ ผู้ประสานงานด้านมนุษยธรรมของสหประชาชาติสำหรับดินแดนปาเลสไตน์ ก็ได้ออกมากล่าวว่า กาซากำลังเผชิญกับภัยพิบัติด้านสาธารณสุข เนื่องจากการล่มสลายของระบบสุขภาพ และการแพร่กระจายของโรคที่เกิดจากความแออัดยัดเยียด ผู้คนเผชิญการติดเชื้อในทางเดินหายใจเฉียบพลัน ท้องเสีย และโรคที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ผู้คนในฉนวนกาซาต้องต่อแถวเป็นเวลาหลายชั่วโมงเพื่อเข้าห้องน้ำ ซึ่งทำให้จินตนาการได้ว่า สภาพสุขอนามัยเป็นอย่างไร
ขณะที่ด้านของกระทรวงสาธารณสุขปาเลสไตน์ ก็ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ในค่ายผู้ลี้ภัยของฉนวนกาซา มีผู้ป่วยโรคติดเชื้ออยู่อย่างน้อย 3.6 แสนรายแล้ว ทั้งนี้ ทางองค์การอนามัยโลก ได้มีการลงทะเบียนกรณีป่วยของผู้ลี้ภัยว่า ป่วยเป็นทั้งโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ, อีสุกอีใส, โรคดีซ่าน, และโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจส่วนบน