สภาผู้แทนฯสหรัฐนำโดยรีพับลีกันลงมติ เริ่มสอบสวนถอดถอนไบเดน กรณีเกี่ยวพันกับการติดต่อธุรกิจต่างประเทศของฮันเตอร์ ไบเดน ผู้เป็นลูกชาย ด้านเดโมแครตชี้ไร้เหตุผลและขาดหลักฐาน
เมื่อวันพุธ (13 ธ.ค.) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ซึ่งรีพับลิกันครองเสียงข้างมาก ลงมติด้วยคะแนนเสียง 221 ต่อ 212 เสียง ให้อำนาจสภาอย่างเป็นทางการ ในการไต่สวนคดีเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งสภาฯกำลังตรวจสอบว่าเขาได้รับประโยชน์อย่างไม่เหมาะสม จากการติดต่อธุรกิจในต่างประเทศของฮันเตอร์ ไบเดน ลูกชายวัย 53 ปีของเขาหรือไม่
สภาผู้แทนราษฎรกล่าวหาว่า ไบเดนและครอบครัวได้ประโยชน์ จากการกระทำของเขาขณะดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดี ในสมัยของประธานาธิบดีบารัค โอบามาตั้งแต่ปี 2552 ถึง 2560 และพวกเขาก็มุ่งความสนใจไปที่การลงทุนทางธุรกิจของลูกชายในยูเครนและจีนในช่วงเวลานั้น พวกเขาแสดงหลักฐานว่า ฮันเตอร์ ไบเดนทำให้ลูกค้าเชื่อว่า เขาสามารถเข้าถึงรองประธานาธิบดีได้ แต่พวกเขาไม่มีหลักฐานว่า ไบเดนดำเนินการอย่างเป็นทางการเพื่อช่วยเหลือธุรกิจเหล่านั้น หรือรับผลประโยชน์ทางการเงินจากพวกเขา
ด้านทำเนียบขาวและพรรคเดโมแครตได้ออกมาประณามการเปิดสอบสวนดังกล่าวว่า ไม่มีมูลและมีแรงจูงใจทางการเมือง อีกทั้งชี้ว่าสภาฯละเลยการทำงานในการแก้ปัญหาของประเทศ แต่พุ่งเป้ามาที่การเล่นงานไบเดนแทน
อย่างไรก็ดีการสอบสวนถอดถอนครั้งนี้จะไม่มีทางสำเร็จ เพราะถึงแม้สภาผู้แทนราษฎรจะลงมติถอดถอน แต่วุฒิสภาซึ่งเดโมแครตครองเสียงข้างมาก จะไม่ลงคะแนนเห็นชอบอย่างแน่นอน แต่กรณีนี้ก็อาจสร้างความปวดหัวให้กับทำเนียบขาว ซึ่งไบเดนเตรียมลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ในการเลือกตั้งปีหน้าอีกครั้ง
ด้านฮันเตอร์ ไบเดน ออกมาเคลื่อนไหวในวันอังคาร โดยเขาแถลงข่าวว่า จะไม่เข้าให้การแบบปิดตามหมายเรียกของคณะกรรมการกำกับดูแลและตุลาการ และจะให้การเป็นพยานในที่สาธารณะเท่านั้น เนื่องจากเกรงว่าคำพูดของเขาจะถูกบิดเบือนความจริง และว่า ไม่มีหลักฐานสนับสนุนข้อกล่าวหาที่ว่า พ่อของเขามีส่วนเกี่ยวข้องทางการเงินในธุรกิจของเขา เพราะมันไม่ได้เกิดขึ้น เขายอมรับความผิดเรื่องติดยาและการเลี่ยงภาษี แต่ค้านว่า สิ่งเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับการสอบถอดถอนประธานาธิบดี
ทั้งนี้ นอกจากกรณีดังกล่าว ฮันเตอร์ ยังตกเป็นเป้าของการสืบสวนคดีอาญาข้อหา โกหกว่าไม่ได้เป็นผู้ติดยา เพื่อจะได้สามารถซื้อปืนพก และเลี่ยงจ่ายภาษี 1.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเขารับผิดในข้อหาอาวุธปืน และได้จ่ายภาษีคืนเต็มจำนวนแล้ว