วันที่ 15 ธ.ค. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลง “วาระ 100 วัน วิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐา” ว่า เป็นการวิเคราะห์ผลงานรัฐบาลเศรษฐาด้วยกรอบ 5 คิด ดังนี้
1.คิดดี ทำได้ ได้แก่ ช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอล ,การฉีดวัคซีน HPV หรือวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก 1 ล้านโดส ,แก้ปัญหาหนี้สินในระบบและนอกระบบ ซึ่งจากการแถลง 2 ครั้งของนายกฯ คิดว่ารัฐบาลเข้าใจว่าปัญหาจริงๆคืออะไร
2.คิดไป ทำไป ได้แก่ โครงการดิจิทัลวอลเล็ต เพราะมีการปรับเปลี่ยนไปมา ไม่ว่าจะที่มาของเงิน เทคโนโลยีที่ใช้ ผู้ได้รับเงิน ปรับอย่างน้อย 4 ครั้ง ,เรื่องเงินเดือนข้าราชการ และเรื่องโครงการแลนด์บริดจ์
3.คิดสั้น ไม่คิดยาว ได้แก่ ค่าไฟ ค่าพลังงาน ค่าคมนาคม และรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย
4.คิดใหญ่ ทำเล็ก ได้แก่ การเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ ,ฟรีวีซ่า ,ที่ดิน สปก. และค่าแรง ที่เมื่อนายกฯไม่ได้ตัวเลขที่ควรจะเป็นหรือตัวเลขที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ ก็ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจ
5.คิดอย่าง ทำอย่าง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ การทำประชามติ ที่มา สสร. หรือเรื่องของการปฏิรูปกองทัพ ซึ่งตรงนี้ค่อนข้างชัดเจน เพราะตั้งแต่สมัยสภาฯชุดที่แล้ว การยื่นกฎหมายแก้รัฐธรรมนูญ ทางพรรคเพื่อไทยมีความคิดสอดคล้องไปในทิศทางเดียวกับพรรคก้าวไกล แต่การกระทำตอนนี้ค่อนข้างที่จะตรงข้ามกับสิ่งที่เคยคิดไว้
นายพิธา กล่าวอีกว่า ในปี 2567 เราหวังว่าการบริหารภายในปีหน้าที่จะมีปัญหาเศรษฐกิจ สังคม และเรื่องใหญ่ๆร้อนๆที่รัฐบาลจะต้องแก้ไข ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนเมกะโปรเจกต์แลนด์บริดจ์ การปฏิรูปการศึกษา เรื่องPM 2.5 เรื่องภัยแล้ง เราต้องการเห็นโรดแมป 1 ปีว่า วิสัยทัศน์คืออะไร เป้าหมายคืออะไร แผนปฏิบัติการคืออะไร ซึ่งโรดแมปที่ดีควรมี ดังนี้ 1.แผนที่ชัดเจนในการทำงานได้แล้ว 2.รัฐบาลต้องมีกระบวนการทำงานที่เป็นมืออาชีพมากกว่านี้ 3.รัฐบาลผสมต้องทำงานให้เป็นเอกภาพมากกว่านี้ 4.ทำการศึกษาโครงการอย่างละเอียดก่อนประกาศออกไป