คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ และสหกรณ์ ลงพื้นที่ ท่าเรือแหลมฉบัง ตรวจสอบและแนวทางการบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย" พบช่องทางนำเข้ายังมีข้อพกพร่อง

วันที่ ( 15 ธ.ค.) คณะกรรมาธิการ(กมธ.)การเกษตรและสหกรณ์ สภาผู้แทนราษฎร นำโดย นายศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานกมธ.ฯ พร้อมด้วยคณะลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าการตรวจสอบการนำเข้าหมูเถื่อน ที่ศุลกากรท่าเรือแหลมฉบัง โดยหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม ประกอบด้วย กรมปศุศัตว์ กรมประมง กรมศุลกาการ เกษตรและสหกรณ์จังหวัดชลบุรี พานิชย์จังหวัดชลบุรี คณะทำงานท่าเรือสีขาว ท่าเรือแหลมฉบัง

นายศักดินัย กล่าวว่า วันนี้คณะกรรมมาธการเกษตรฯ พร้อมคณะ ได้ลงพื้นที่ ตรวจสอบการน้ำเข้าหมูเถื่อน หลังจากเมื่อวานนี้ ได้เชิญกลุ่มผู้เลี้ยงสุกรภาคตะวันออกเฉียงเหนือเข้ามาให้ข้อมูล รวมถึงปัญหาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากราคาหมูที่ตกต่ำ ทั้งผลิตภัณฑ์ อาหารสัตว์มีราคาสูง และมีการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังได้เชิญกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) มาชี้แจงกระบวนการนำเข้าหมูเถื่อนด้วย ซึ่งเรื่องนี้เมื่อตรวจสอบลงลึกในรายละเอียด พบว่าเป็นขบวนการใหญ่ มีผลประโยชน์มหาศาล เชื่อมโยงทั้งข้าราชการ นักการเมือง และนายทุนที่นำเข้าฯ

ขณะที่หัวหน้าชุดสอบสวนดีเอสไอ ยืนยันกับกมธ.ฯว่า จะเดินหน้าดำเนินการต่อไปไม่มีสิ่งใดมาบั่นทอนกำลังใจ แม้ก่อนหน้านี้จะมีการโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอ ส่วนกระบวนการการทำลายซากหมูเถื่อน วันนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจน แม้แต่ดีเอสไอก็ยังไม่ทราบว่าดำเนินการไปอย่างไร กมธ.ฯจะต้องมีการขอเรียกดูเอกสารต่อไปเนื่องจากเรื่องนี้มีกฎระเบียบรองรับ และยังมีอีกหลายๆประเด็นที่ดูแล้งยังมีอีกหลายประเด็นที่ต้องแก้ไขปรับปรุง เพราพด่านที่แหลมฉบังถือเป็นประตูสำคัญในการนำเข้าส่งออกที่สำคัญของประเทศ

ข่าวที่น่าสนใจ

ด้านนางสาวธารารัตน์ โพธิ์ศรี เกษตรและสหกรณ์จังหวัด ชลบุรี เผยว่าวันนี้ ทางคณะได้เดินทางมาศึกษาดูงาน เรื่อง “แนวทางการบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย” ซึ่งจังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ ทั้งด้านพาณิชยกรรม และอุตสาหกรรมของประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวม ของจังหวัดชลบุรี ณ ราคาประจำปี พ.ศ. 2564 มีมูลค่า 1,009 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นภาคอุตสาหกรรม สัดส่วนร้อยละ 54.64 ภาคบริการ สัดส่วนร้อยละ 38.14 และภาคเกษตร คิดเป็น สัดส่วนร้อยละ 1.90 จังหวัดชลบุรีมีทำเลที่ตั้งอันเหมาะสมสำหรับ การค้าขายทางทะเล ส่งผลให้ปัจจุบันจังหวัดได้รับการวางแผนให้เป็น เมืองหลักทางด้านอุตสาหกรรม และการค้าขายของภาคตะวันออก มีท่าเรือแหลมฉบังเป็นท่าเรือพาณิชย์ที่สำคัญของประเทศไทย รองจาก ท่าเรือกรุงเทพฯ

ท่าเรือแหลมฉบังเป็นโครงการที่สำคัญของเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จัดได้ว่าเป็นประตูการค้าสำคัญของ จังหวัดชลบุรีและประเทศไทย เป็นจุดส่งออกและนำเข้าสินค้า หลากหลายประเภทจากทุกมุมโลก มีปริมาณการนำเข้าและส่งออก สินค้าในแต่ละวันเป็นจำนวนมหาศาล จึงจำเป็นต้องได้รับการพัฒนา ศักยภาพ ให้พร้อมต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศตั้งแต่ ด้านโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาระบบการบริหารจัดการโลจิสติกส์ การพัฒนาระบบตรวจสอบสินค้า การจัดการด้านความปลอดภัย

ปัจจุบันมีโครงการก่อสร้างขยายท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ ๓ กำหนด แล้วเสร็จในปี พ.ศ.2564 ซึ่งจะสามารถขยายขีดความสามารถ การรองรับตู้สินค้า จากเดิม 11.1. ล้านทีอียู/ปี เป็น 18.4 ล้านทีอียู/ปี การประชุมหารือในวันนี้มีส่วนราชการมาร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลและ แสดงความคิดเห็นด้วย กระผมเชื่อว่าข้อมูลและข้อคิดเห็นที่ได้จาก คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ และข้อมูลความคิดเห็นจาก ส่วนราชการต่าง ๆ ในวันนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญให้รัฐบาลในการพัฒนา แนวทางการบริหารจัดการสินค้าเกษตรที่นำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย เพื่อปกป้องสินค้าเกษตรและเกษตรกรไทย อันเป็นองค์ประกอบสำคัญ ในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้เจริญเติบโตต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

จังหวัดชลบุรี คณะกรรมาธิการการเกษตรและสหกรณ์ ฯ ลงพื้นที่ ตรวจสอบการนำเข้าสินค้าเกษตรและประมง