“รมช.คมนาคม” ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมเปิดเดินรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ลดค่าขนส่งเพิ่มความปลอดภัย

"รมช.คมนาคม" ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมเปิดเดินรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม-ชุมพร ลดค่าขนส่งเพิ่มความปลอดภัย ถึงจุดหมายเร็วขึ้น 1.30 ชั่วโมง คาดเปิดใช้งานเต็มระยะปี 2567

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นางสาวณภัทรา กมลรักษา เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางราง นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย นายณพศิษฏ์ จักรพิทักษ์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมเปิดเดินรถไฟทางคู่สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2566 ณ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร

 

 

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เป็นการตรวจความพร้อมเปิดเดินรถไฟทางคู่ สายใต้ ช่วงนครปฐม – ชุมพร ตามนโยบาย Quick Win ของรัฐบาลเพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชน และการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงทุกภูมิภาค ซึ่งในวันนี้ได้เปิดใช้ทางคู่ในช่วงแรกระหว่างสถานีบ้านคูบัว จังหวัดราชบุรี ถึงสถานีสะพลี จังหวัดชุมพร รวมระยะทาง 348 กิโลเมตร ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการเดินทาง โดยตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2566 เป็นต้นไป การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ปรับเวลาเดินรถสายใต้ ซึ่งจะทำให้ผู้โดยสารใช้เวลาในการเดินทางน้อยลง และถึงจุดหมายปลายทางเร็วขึ้น ประมาณ 1.30 ชั่วโมง เป็นการอำนวยความสะดวกการเดินทางของประชาชนรวมทั้งการขนส่งสินค้า โดยไม่ต้องเสียเวลาในการรอหลีกขบวนรถ เกิดประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเดินรถ ทำให้สามารถรองรับขบวนรถได้เพิ่มขึ้น 2 เท่า ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการขนส่งด้านโลจิสติกส์ รวมทั้งเพิ่มความปลอดภัย ลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุบริเวณจุดตัดทางเสมอระดับรถไฟ-รถยนต์ โดยยกเลิกทางข้ามเสมอระดับทางรถไฟ และเปิดใช้สะพานกลับรถ (U-Turn)/สะพานข้ามทางรถไฟ (Overpass) สำหรับในระยะต่อไป จะเปิดเดินรถทางคู่ช่วงสถานีนครปฐม – สถานีบ้านคูบัว ระยะทาง 57 กิโลเมตร และช่วงสถานีสะพลี – สถานีชุมพร ระยะทาง 15 กิโลเมตร ภายในเดือนเมษายน 2567
นอกจากนี้ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการสำคัญ ดังนี้

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

– โครงการรถไฟทางคู่สายใต้ ระยะที่ 2 จำนวน 3 โครงการ ประกอบด้วย 1) ช่วงชุมพร – สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 168 กิโลเมตร 2) ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา ระยะทาง 321 กิโลเมตร และ 3) ช่วงชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร ทั้งนี้ ได้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการ (Feasibility Study) ออกแบบรายละเอียด (Detailed Design) และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติให้ความเห็นชอบรายงาน EIA เรียบร้อยแล้ว ปัจจุบัน รฟท. อยู่ระหว่างเตรียมการเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการต่อคณะรัฐมนตรี โดยจะเสนอขออนุมัติช่วงชุมทางหาดใหญ่ – ปาดังเบซาร์ เป็นลำดับแรก ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคมได้เร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพระบบการขนส่งทางราง ให้เป็นระบบขนส่งหลักของประเทศ ที่มีประสิทธิภาพ สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย และมีส่วนช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ

 

 

– การดำเนินการและแผนการเชื่อมต่อกับโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งเพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้เพื่อเชื่อมโยงการขนส่งระหว่างอ่าวไทยและอันดามัน (โครงการแลนด์บริดจ์) โดยมีการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าเพื่อเชื่อมโยงท่าเรือทั้งสองแห่งด้วยทางรถไฟและทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (Motorway) เพื่อให้สอดคล้องตามแผนบูรณาการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองเชื่อมต่อแนวเส้นทางรถไฟทางคู่ สำหรับโครงการก่อสร้างทางรถไฟช่วงชุมพร – ท่าเรือน้ำลึกระนอง อยู่ระหว่างศึกษาโครงการและผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่บริเวณแหลมริ่ว ต.บางน้ำจืด อ.หลังสวน ผ่าน อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพร และมีจุดสิ้นสุดที่บริเวณแหลมอ่าวอ่าง ต.ราชกรูด อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ซึ่งโครงการฯ จะเพิ่มขีดความสามารถด้านการขนส่งสินค้า ผู้โดยสาร เพิ่มศักยภาพด้านการท่องเที่ยวของประเทศ เพื่อพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพต่อการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ เพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งสินค้าเชื่อมโยงฐานการผลิตในพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กับประตูการค้าภาคใต้ เพื่อส่งต่อสินค้าไปยังกลุ่มประเทศ ตะวันออกกลาง ยุโรป

 

 

 

– การพัฒนาทางรถไฟเชื่อมนิคมอุตสาหกรรม โดยการก่อสร้างย่านสถานีบริเวณจุดเชื่อมต่อประแจและทางแยกสถานีนาผักขวง โครงการ SSI’s Distribution Hub (ด้านเหนือ) และโครงการ SSI’s Logistic Terminal (ด้านใต้) ประเภททางเดี่ยว ระยะทาง 2.138 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมโยงระบบการขนส่งทางรางสู่อุตสาหกรรมเหล็ก และท่าเรือน้ำลึก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งสินค้า และช่วยลดต้นทุนในการขนส่งสินค้า ทั้งอุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมอื่น ๆ และช่วยลดปัญหาการจราจรการขนส่งทางบกในพื้นที่ โดยเป็นหนึ่งในแผนงานการพัฒนาทางรถไฟเชื่อมต่อนิคมอุตสาหกรรม ระยะเร่งด่วน (พ.ศ. 2566 – 2570) ซึ่งกรมการขนส่งทางรางได้ดำเนินโครงการศึกษาความเป็นไปได้และจัดทำแผนการพัฒนาโครงข่ายรถไฟ ให้ครอบคลุม และเชื่อมโยงพื้นที่ทั่วประเทศและรองรับการขนส่งต่อเนื่องหลายรูปแบบได้อย่างไร้รอยต่อ (R-MAP) ปัจจุบันการพัฒนาทางรถไฟเชื่อมนิคมเขตอุตสาหกรรม อยู่ระหว่างเอกชนพิจารณาศึกษาความเหมาะสมก่อนดำเนินการต่อไป

 

ด้านนายนิรุฒ  ระบุว่า ขณะนี้ระบบรถไฟรางคู่ได้ดำเนินการเสร็จแล้วทางด้านโยธา ทำให้เราทำความเร็วในการเดินทางได้ดีขึ้นในระดับหนึ่ง และจะเร็วขึ้นไปอีกถ้าระบบอาณัติสัญญาณเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าเราจะมีความเร็วขึ้นแต่ก็ยังไม่ดีเท่ากับความปลอดภัยในการเดินทาง เพราะการเดินทางเราไม่ต้องรอรถหลีก หรือรอรถสวนกันอีกแล้ว ทำให้เราเพิ่มศักยภาพในการเดินทางของระบบรางได้ดียิ่งขึ้น ส่วนงานสร้างสถานี บางส่วนก็แล้วเสร็จไปบ้าง แต่ก็ยังมีบางส่วนก็ใกล้จะแล้วเสร็จในระยะอันใกล้นี้

ส่วนในเรื่องรถจักรและตู้โดยสารทางท่านรัฐมนตรีท่านก็ได้ให้นโยบายไว้ว่า “ให้รีบดำเนินการจัดหา เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้มีความสะดวกในการใช้การเดินทางของระบบรางมากยิ่งขึ้น

 

กระทรวงคมนาคมเร่งพัฒนาโครงการก่อสร้างรถไฟทุกโครงการให้แล้วเสร็จและเปิดให้บริการทันตามแผนที่กำหนด เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทางแก่ประชาชน ตลอดจนช่วยลดต้นทุนการขนส่งเพิ่มประสิทธิภาพโลจิสติกส์ รวมทั้งกระจายการเติบโตทางเศรษฐกิจไปยังภูมิภาคตามยุทธศาสตร์ชาติของประเทศ สนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรางของภูมิภาคอาเซียน

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

"รบ.ไทย – จีน" ร่วมหารือ อัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว จากจีนมาประดิษฐานในไทยชั่วคราว เนื่องในโอกาสเฉลิมพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ
หนุ่มค้างค่าเช่าหลักหมื่น ทิ้งขยะกองโตท่วมห้องไว้ให้เจ้าของหอดูต่างหน้า
"ศาลอุทธรณ์" ยืนโทษคุก 8 เดือน "สมบัติ ทองย้อย" อดีตการ์ดเสื้อแดง โพสต์หมิ่น "พล.อ.ประยุทธ์" 2 ข้อความ
สพฐ. ชูศึกษานิเทศก์ทั้งประเทศ กลไกขับเคลื่อน "เรียนดี มีความสุข" สร้างคุณภาพสู่ห้องเรียน
“เต้ อาชีวะ” เดือด! จัดหนัก UN ปล่อยต่างด้าวล้นรพ.รัฐ แย่งคิวคนไทย
ปัตตานีระทึก คนร้ายชักปืน จี้ "พนง.ร้านสะดวกซื้อ" ชิงเงินสด 1.2 ล้าน หนีลอยนวล
เตรียมพบเทศกาลนานาชาติ พลอยและเครื่องประดับจันทบุรี 2024 "จันทบุรีนครอัญมณี" ปีที่ 5 ชูเอกลักษณ์เมืองจันท์ อัญมณีอันเลื่องชื่อ
“สมศักดิ์” นำร่อง “ตู้ห่วงใย” บริการแพทย์ทางไกลเชิงรุกในชุมชน ยกระดับ 30 บาทรักษาทุกที่ 
"พงษ์ศักดิ์" ยื่นร้องกกต. ขอระงับรับรองผลเลือกตั้งนายกอบจ.ขอนแก่น ชี้พบเหตุหาเสียงส่อผิดกม.
“กฤษอนงค์” ไร้เงาคนยื่นประกัน นอนคุกคืนแรก ด้าน “บอสพอล” มอบทีมกม.ยื่นค้านประกันตัว

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น