กรณีศาลจังหวัดมุกดาหาร มีคำพิพากษาจำคุกลุงพล รวม 20 ปี ในความผิดฐาน กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย จำคุก 10 ปี และ พรากเด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปีไปเสียจากบิดามารดา โดยปราศจากเหตุอันสมควร จำคุก 10 ปี ส่วนป้าแต๋น ศาลยกฟ้อง เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ซึ่งหน่วยงายงานหนึ่ง ที่ต้องได้รับคำชม คือเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนคลี่คลายคดี ซึ่งประกอบด้วย ตำรวจฝ่ายสืบสวนฝีมือดีจากทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็น พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. ,พล.ต.ต.ณัฐนนท์ ประชุม รอง ผบช.ภ.4 พร้อมทั้ง พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผบก.พฐ., พล.ต.ต.ชัชชัย วงค์สุนะ ผบก.ภ.จว.มุกดาหาร และ พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม รอง ผบก.ป., พ.ต.ท.พูนสุข เตชะประเสริฐพร รอง ผกก.สส.1 บก.สส.ภ.1 รวมถึงทีมงานนักสืบทุกคน สถาบันนิติเวชโรงพยาบาล กองพิสูจน์หลักฐาน
หัวหน้าชุดสืบสวน มือพระกาฬ บช.น. หนึ่งในผู้ร่วมคลี่คลายคดีน้องชุมพู่ บ้านกกกอก เผย เจ้าหน้าที่ตำรวจมือดี จากหลายหน่วย ทุ่มเทกำลังและสรรพวิทยาการ ในการเสาะแสวงหา พยานหลักฐาน เพื่อเชื่อมโยงสู่ ตัวผู้กระทำผิด จน นำไปสู่ 8 ข้อมูลหลักฐาน สำคัญ โยงใยมัดตัว “ลุงพล” จนสุดท้ายศาลชี้ผิดจริง พร้อมพิพากษาจำคุก 20 ปี
ข่าวที่น่าสนใจ
วันนี้ ( 20 ธ.ค.) พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. หนึ่งในคณะทำงานชุดคลี่คลายคดีน้องชมพู่ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งผู้บังคับการสืบสวนสอบสวน กองบัญชาการตำรวจนครบาล เปิดเผยว่า ต้องขอบคุณศาลที่ตัดสินด้วยความเป็นธรรม และขอให้เครดิตท่าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข อดีต ผบ.ตร. ที่ให้ความสนใจและลงมาติดตามคดีด้วยตนเอง พร้อมทั้งระดมกำลังชุดสืบสวนจากทั่วประเทศมากฝีมือมาอยู่ที่บ้านกกกอก
พล.ต.ต.นพศิลป์ ยืนยันว่า ตลอดสามปีที่ผ่านมากระบวนการทำงานของตำรวจชุดสืบสวนนั้น ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่บุคคลบุคคลใดบุคคลหนึ่งว่าเป็นผู้กระทำความผิด แต่ยึดจากพยานหลักฐานที่พบเจอเป็นสำคัญจนนำไปสู่การพบตัวผู้กระทำผิด ซึ่งสามารถสรุปสาระสำคัญที่เป็นพยานหลักฐานสำคัญได้ทั้งหมด 8 ข้อดังนี้
1.เส้นทางที่ยากลำบากเกินความสามารถของน้องชมพู่ มีเนินชันมากกว่า 60 องศา ขวางกั้นในทุกเส้นทาง
2.พลังงานจากอาหารมื้อสุดท้ายที่น้องชมพู่รับประทานไปไม่เพียงพอต่อการเดินไปบนจุดพบศพ
3.ประสบการณ์ชาวบ้านยืนยันว่าเด็ก 3 ขวบ จะปีนป่ายไปถึงได้แค่ชั้นที่ 2 ของภูเหล็กไฟเท่านั้น
4.กรณีศึกษาการหลงป่า ของชาวบ้านกกตูมชาวบ้านสามารถหาได้เจอภายในคืนเดียว
5.แพทย์ผู้ชันสูตรและกุมารแพทย์ ยืนยืนว่า พัฒนาการของเด็กอายุ 3 ขวบ ไม่สามารถที่จะเดินขึ้นไปเองได้
6.สภาพศพที่เปลือยกาย ซึ่งบิดาและมารดาของน้องชมพู่ยืนยันว่าน้องชมพูไม่สามารถถอดเสื้อเองได้
7.พยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ ที่ตรวจพบเส้นผมน้องชมพู่ถูกตัดด้วยมีด เชื่อได้ว่าเป็นการกระทำของบุคคลอื่น
8.นิสัยส่วนตัวของน้องชมพู่ กลัวที่สูง และกลัวป่า ที่ผ่านมาของน้องชมไม่เคยไปในป่าหลังบ้านเลยสักครั้ง
ซึ่งคำตัดสินวันนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งในบทพิสูจน์การทำงานของชุดคลี่คลายคดีที่อดหลับอดนอน ปีนเขากับ 8 ลูก 9 ลูก กันมานานกว่า 3 – 4 เดือน เพื่อค้นหาพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด เพื่อให้คนร้ายได้รับการลงโทษกับสิ่งที่กระทำต่อเด็กที่อายุเพียงแค่ 3 ขวบ ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสืบสวน การสอบสวน รวมถึงการเก็บรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดนำส่งศาลเพื่อสืบพยานในชั้นศาล
ซึ่งสอดคล้องกับ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้น ได้ออกมาแถลงสรุปความคืบหน้าในแนวทางสืบสวนสอบสวน ซึ่งสรุปใจความสำคัญคือ น้องชมพู่ ผู้เสียชีวิตในคดีนี้ ไม่สามารถเดินขึ้นไปบริเวณจุดพบศพได้ด้วยตนเอง ด้วยเหตุผล 8 ประการดังกล่าวข้างต้น .
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-