ย้อน 3 คดีทุจริต “ทักษิณ” บุคคลไม่อันตราย

ย้อน 3 คดีทุจริต "ทักษิณ" บุคคลไม่อันตราย

กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันทีหลังนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม ออกมายืนยันอย่างชัดเจนว่า นายทักษิณ ชินวัตร ถือเป็นนักโทษที่เข้าเกณฑ์คุมขังนอกเรือนจำตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ. 2566 ของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมา เพราะมีโทษไม่เกิน 4 ปี และนายทักษิณไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม อีกทั้งโทษที่ได้รับในลักษณะนี้ก็ไม่ได้เป็นภัยต่อสังคม จึงสามารถอยู่ในที่คุมขังได้ และยังเป็นโทษที่มีจำนวนน้อยกว่า 1 ปี

อาการโดดอุ้มนายทักษิณของนายสมศักดิ์เปรียบเสมือนการขว้างงูไม่พ้นคอ เพราะกระบวนการช่วยหลือนายทักษิณไม่ต้องนอกคุกน่าจะเริ่มขึ้นตั้งแต่วันที่นายทักษิณเหยียบแผ่นดินไทยครั้งแรกในรอบเกือบ 20 ปีตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2566 จนถึงการส่งตัวเข้ารักษาอาการป่วยที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจกระทั่ง เวลาล่วงเลยจะครบ 120 วันในวันที่ 22 ธันวาคมที่จะถึงนี้ แต่จนถึงวันนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดให้คำตอบได้ว่า นายทักษิณ ป่วยหนักขนาดไหน นอนอยู่ในโรงพยาบาลจริงหรือไม่ แม้กระทั่งหน่วยงานหลักอย่างกระทรวงยุติธรรมที่นายสมศักดิ์เป็นผู้ดูแลร่วมกับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมก็ยังเงียบเป็นเป่าสากก็ว่าได้

 

ทั้งนี้ในฐานะรัฐมนตรีที่กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรมโดยตรงนั้น นายสมศักดิ์ ควรออกมาชี้แจงเรื่องที่สังคมกำลังเคลือบแคลงสงสัยเกี่ยวกับกับนายทักษิณให้เกิดความกระจ่าง แต่นายสมศักดิ์ และผู้เกี่ยวข้องเลือกที่จะรูดซิปปากทุกครั้งเมื่อเรื่องของนายทักษิณถูกสังคมตั้งคำถามในเรื่องอภิสิทธิ์ชน แต่ในทางกลับกันเมื่อมีเรื่องอะไรที่ให้คุณกับนายทักษิณคืนสู่อิสรภาพในเร็ววันนั้น นายสมศักดิ์ ออกมาให้สัมภาษณ์อย่างไม่เกรงใจประชาชน ว่า นายทักษิณ เป็นนักโทษที่เข้าเกณฑ์คุมขังนอกเรือนจำของกรมราชทัณฑ์ที่ออกมาใหม่

 

 

ข่าวที่น่าสนใจ

อย่างไรก็ตามการอ้างเรื่องโทษที่ไม่เกิน 4 ปี รวมถึงโทษที่นายทักษิณขณะนี้เหลือน้อยกว่า 1 ปี เป็นการพูดในแง่บวกของนายสมศักดิ์ เพื่อทำให้สังคมรับรู้ว่านายทักษิณเป็นนักโทษที่อยู่ในข่ายเข้าเกณฑ์คุมขังนอกเรือนจำตามระเบียบกรมราชทัณฑ์ พ.ศ.2566 แต่การที่นายสมศักดิ์การันตรีว่า นายทักษิณไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม เพราะเป็นโทษในลักษณะที่ไม่ได้เป็นภัยต่อสังคมนั้น เรื่องนี้อาจต้องทบทวนความจำกันสักนิดว่า นายทักษิณ เป็นอย่างที่นายสมศักดิ์พูดหรือไม่

ทั้งนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าการที่นายทักษิณต้องระเห็ดหนีออกจากประเทศไทยส่วนหนึ่งเป็นเพราะพฤติกรรมของนายทักษิณสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ โดยเฉพาะการทุจริตคอรัปชั่นที่สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวง โดยนายทักษิณถูกฟ้องร้องอยู่หลายคดี แต่ความผิดที่เด่นชัดจนทำให้นายทักษิณ ต้องรับโทษหลังจากเดินทางหลังประเทศไทย คือ โทษจำคุก 8 ปี โดยศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษาไว้ 3 คดีดังนี้

-คดีแรก คดีสั่งการให้ เอ็กซิม แบงก์ อนุมัติเงินกู้สินเชื่อ 4,000 ล้านบาท แก่รัฐบาลเมียนมา โทษจำคุก 3 ปี ไม่รอลงอาญา
-คดีหวยบนดิน โทษจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา แต่ให้นับโทษในคดีที่ 1 และคดีที่ 2 เหลือจำคุกเพียง 3 ปี
-คดีให้นอมินีถือหุ้นในบมจ.ชินคอร์ป โทษจำคุก 5 ปี ไม่รอลงอาญา ให้นับต่อจาก 3 ปีใน 2 คดีแรก ทำให้นายทักษิณ ต้องโทษจำคุกจริง 8 ปี

อย่างไรก็ตามต่อมานายทักษิณ ชินวัตร ได้รับพระมหากรุณาอภัยลดโทษ จากโทษจำคุก 8 ปี เหลือเพียง 1 ปี เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ จงรักภักดี และมีอาการป่วย อีกทั้งได้ยอมรับการกระทำผิดและสำนึกในความผิด แต่การลดโทษเหลือ 1 ปีไม่ได้หมายความว่า ความผิดในคดีทุจริตการคอรับชั่นที่นายทักษิณสร้างความเสียหายแก่ประเทศชาติถูกลบล้างไปด้วย

 

 

นอกจากนี้นายทักษิณ ชินวัตร ยังมีข้อหาร้ายแรงอีก 1 คดี คือ การกระทำความผิดตามกฎหมายมาตรา 112 ที่เป็นความผิดนอกราชอาญาจักรกรณีให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศ เมื่อปี 58 พาดพิงสถาบัน โดยคดีนี้อัยการสูงสุด (อสส.) ได้สั่งฟ้องไปแล้ว ดังนั้นการที่นายสมศักดิ์ออกมาระบุว่า นายทักษิณ ไม่ใช่บุคคลที่อยู่ในข่ายสิ่งที่น่ากลัวของสังคม และโทษที่นายทักษิณกระทำผิดไม่ได้เป็นภัยต่อสังคมนั้น เรื่องนี้คนไทยทั้งประเทศมีคำตอบในใจอยู่แล้ว..?

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ผู้นำปานามาลั่นคลองปานามาไม่ใช่ของขวัญจากสหรัฐ
จีนไม่เห็นด้วยหลังไทยยืนยันไม่มีแผนส่งกลับอุยกูร์ในขณะนี้
"ดีเอสไอ" อนุมัติให้สืบสวนคดี "แตงโม" ปมมีการบิดเบือน บุคคลอื่น-จนท.รัฐเกี่ยวข้องหรือไม่
"พิพัฒน์" นำถก "คบต." ลงมตินายจ้างต้องยื่นบัญชีชื่อต้องการแรงงานต่างด้าว ให้เสร็จใน 13 ก.พ.68
ส่องรายได้ "ดิว อริสรา" หลัง "ไผ่ ลิกค์" เฉลยชื่อดาราดัง ปมยืมเงินปล่อยกู้ โซเชียลจับตา รอเจ้าตัวชี้แจง
ศาลให้ประกันตัว "หนุ่มลูกครึ่งอินเดีย" ขับรถชนไรเดอร์เสียชีวิต ตีวงเงิน 6 แสนบาท คุมเข้มใส่กำไล EM ภรรยาผู้ตาย ลั่นไม่ให้อภัย
ทบ.ขานรับนโยบายปราบยาเสพติด เพิ่มทหาร 6 กองกำลัง วัดเคพีไอ 10 กพ.-10 มิ.ย.
ซีพีเอฟ ซีพี-เมจิ ร่วมหนุนสระบุรีแซนด์บ๊อกซ์ "รวมพลังสร้างเมืองคาร์บอนต่ำแห่งแรกของประเทศไทย”
สละเรือแล้ว! "ผบ.อิสราเอล" ยื่น "ลาออก" เซ่นเหตุ 7 ต.ค. ไล่แทงกันในเทลอาวีฟเจ็บ 5
สุดปัง “นายกฯ” สวมกระโปรงผ้าปาเต๊ะ ร่วมประชุม WEF

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น