วันนี้ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา หรือ สว. โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊กเรื่อง ข้อเสนอต่อสังคมเรื่องการพักโทษ โดยระบุรายละเอียดว่า การพักโทษ การลดโทษ การอภัยโทษ การปล่อยตัวเร็วกว่ากำหนดหรือการคุมประพฤติแบบมีเงื่อนไขฯ ยังคงมีความจำเป็นอยู่ตามโอกาสตามสมควร เพื่อจูงใจให้นักโทษมีความหวัง ไม่ก่อการจลาจล ลดความแออัดในเรือนจำ นำไปสู่การคืนคนดีกลับสู่สังคม เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายเห็นพ้องด้วย แต่ต้องพิจารณาโดยใช้หลักนิติรัฐนิติธรรมเป็นสำคัญ ตรงไปตรงมา ไม่มีวาระซ่อนเร้นเฉพาะราย โดยต้องให้ทุกองคาพยพในกระบวนยุติธรรมมีส่วนร่วมพิจารณา และตรวจสอบได้ มิใช่ปล่อยให้หน่วยใดมีอำนาจเพียงลำพัง เพราะอาจนำไปสู่การเสื่อมศรัทธาในกระบวนการยุติธรรมไทยทั้งระบบ ดังที่กำลังเป็นอยู่ในปัจจุบัน
“สว.สมชาย” ชงข้อเสนอมีศาลพิจารณาพักโทษ ไม่ใช่ปล่อยราชทัณฑ์ชี้ขาดเพียงลำพัง
ข่าวที่น่าสนใจ
จึงขอเสนอข้อมูลความเห็นและข้อเสนอแนะเพื่อให้ภาคส่วนต่างๆในสังคม ช่วยกันพิจารณา ดังนี้ 1)วิธีแก้ปัญหาคนล้นคุกด้วยวิธีปล่อยตัวเร็วขึ้นกับนักโทษที่ได้รับผลกระทบจากการลงโทษในต่างประเทศนั้น มักจะใช้กับนักโทษที่เฉพาะกลุ่มคดีไม่ร้ายแรง เปิดโอกาสให้กลับตัว และมุ่งเน้นเฉพาะที่เป็นเด็กเยาวชน ผู้ติดยาเสพติดผิดเล็กน้อยไม่ใช่ตัวการสำคัญ ผู้บกพร่องทางจิตและผู้หญิง ฯลฯ ด้วยการให้ ลาพักโทษ ลดโทษ อภัยโทษ ปล่อยตัวก่อนกำหนด คุมประพฤติแบบมีเงื่อนไข ฯลฯ จะไม่ใช้กับนักโทษคดีอาญาร้ายแรง คดีอุกฉกรรจ์ หรือคดีทุจริตคอรัปชั่น 2)หลักยุติธรรมสากลในประเทศที่ได้รับความเชื่อมั่นศรัทธาสูง จะพิจารณาการลดโทษ พักโทษหรือปล่อยตัว ร่วมกันถึงกำหนดโทษที่ศาลพิพากษากับการมีระยะเวลาปลอดภัยของสังคม และต้องมีกระบวนการมีส่วนร่วมในการพิจารณา เช่น เจ้าทุกข์ ญาติ ตำรวจ ราชทัณฑ์ อัยการ แพทย์ ภาคประชาสังคม ฯลฯ โดยศาลเป็นผู้พิจารณาให้มีการลดโทษ พักโทษหรือปล่อยตัวที่เหมาะสม มิใช่ปล่อยให้เรือนจำอันเป็นหน่วยงานบังคับโทษมีอำนาจกระทำโดยลำพัง 3)ประเทศไทยใช้นโยบายแก้ไขคนล้นคุกมาตลอด โดยออกกฎหมายเพื่อช่วยเรื่องนี้มาแล้วหลายฉบับ อาทิ พ.ร.บ.ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 2562 พ.ร.บ.ว่าด้วยการปรับเป็นพินัย 2565 พ.ร.บ.พืชกระท่อม 2565 พ.ร.บ.ประมวลยาเสพติด2564 ฯลฯ ทำให้กรมราชทัณฑ์ปล่อยนักโทษในคดีต่างๆออกจากเรือนจำไปแล้วนับหมื่นคน 4)ปัญหาการใช้อำนาจ ลดโทษ พักโทษ ปล่อยตัว ของราชทัณฑ์ ยังเป็นข้อครหาถกเถียงถึงความเหมาะสมในดุลยพินิจอำนาจราชทัณฑ์ กับอำนาจพิพากษาในคดีของศาลยุติธรรมมาโดยตลอด เห็นได้จากปรากฏการณ์เลื่อนชั้นนักโทษคดีทุจริตจำนำข้าว อย่างรวดเร็วต่อเนื่องผิดปกติ 3 ครั้งใน1 ปี ทำให้นักโทษบางรายได้รับประโยชน์รับอภัยลดโทษไปมากกว่า10-37 ปี ทั้งที่คดีนี้ศาลฎีกาพิพากษาตัดสินจำคุกสูงสุด 48 ปี เพราะถือเป็นคดีอุกฉกรรจ์ทุจริตโกงชาติถือเป็นภัยสังคม
5)ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 65 เคยรับทราบรายงานของกระทรวงยุติธรรมเกี่ยวกับการอภัยโทษ ซึ่งเป็นการปรับปรุงแนวทางการจัดชั้น เลื่อนชั้นนักโทษ ให้มีแนวทางชัดเจนขึ้น โดยเป็นการรับข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการตรวจสอบการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการอภัยโทษ มีเรื่องสำคัญบางประการ ได้แก่ 5.1กำหนดให้นักโทษที่จะได้รับอภัยโทษ ไม่ว่าลดโทษหรือปล่อยตัว ต้องผ่านระยะปลอดภัย คือ ต้องรับโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 หรือรับโทษจำคุกมาแล้ว 8 ปี แล้วแต่ระยะเวลาใดถึงก่อน และไม่ว่าจะเป็นนักโทษชั้นใด หลังจากนั้น จึงจะดูอายุ สุขภาพ การจัดชั้น เพื่อลดโทษ ยกเว้นแต่เป็นการถวายฎีกาเฉพาะราย 5.2วางหลักเกณฑ์ใหม่ที่เข้มขึ้นเกี่ยวกับการลดโทษคดีร้ายแรงในความรู้สึกของสังคม เช่น คดียาเสพติด คดีทุจริต คดีที่ศาลให้ประหารชีวิต โดยให้การลดโทษและปล่อยตัว 5.3 การจัดชั้นนักโทษ ดี ดีมาก เยี่ยม จะเข้มขึ้นและมีกฎเกณฑ์มากขึ้นเป็นต้น สว.สมชายยังมีข้อเสนอแนะเร่งด่วน ดังนี้ 1)สมควรให้มีการแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้อง อาทิ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์และพ.ร.บ.ให้ใช้ธรรมนูญศาลยุติธรรม กำหนดให้มีศาลแผนกบังคับโทษ มีอำนาจหน้าที่ในการติดตามผลบังคับโทษ และมีอำนาจในการพิจารณาการพักโทษนักโทษเด็ดขาด 2)หน่วยที่เกี่ยวข้องจะต้องพิจารณาในเรื่องดังกล่าวตามหลักยุติธรรมสากล โดยยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรมอย่างเคร่งครัด
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
-