ปมร้อนชั้น 14 โยก “สมศักดิ์” พ้นก.ยุติธรรม

ปมร้อนชั้น 14 โยก "สมศักดิ์" พ้นก.ยุติธรรม

กลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาทันทีหลังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 381/2566 เรื่อง แก้ไขเพิ่มเติมคำสั่งมอบหมายและมอบอำนาจ ให้รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่ผ่านมา สาระสำคัญ คือ

1.การมอบหมายและมอบอำนาจให้ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี

2.การมอบหมายและมอบอำนาจให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี กระทรวงสาธารณสุข

3.การมอบหมายและมอบอำนาจให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี กระทรวงยุติธรรม (ยกเว้น กรมสอบสวนคดีพิเศษ)

 

การลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีมีประเด็นน่าสนใจคือ การมอบอำนาจให้ นายพีระพันธุ์มาดูแลกระทรวงยุติธรรมแทนนายสมศักดิ์ที่ถูกโยกไปดูกระทรวงสาธารณสุขแทน โดยการแบ่งงานดังกล่าวมีข่าวลือว่าอาจเกี่ยวข้องกับกรณีการรักษาตัวนอกเรือนจำของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งอยู่เกิน120 วันแล้วหรือไม่

 

ทั้งนี้ที่ผ่านมานายสมศักดิ์ ถือเป็นบุคคลที่ออกตัวแรงด้วยการมาชี้แจงประเด็นอภิสิทธิชนของนายทักษิณดังที่สังคมสงสัยมาตลอด โดยเฉพาะเรืองที่เกี่ยวข้องกับระเบียบกรมราชทัณฑ์ ว่าด้วยการดำเนินการสำหรับการคุมขังในสถานที่คุมขัง พ.ศ.2566 ที่กำหนดเงื่อนไขการคุมขังนอกเรือนจำ แม้ตอนนั้นจะมีภาคประชาชนหลายกลุ่มออกมาต่อต้าน แต่นายสมศักดิ์ ยังกล้าออกมาการันตีว่า นายทักษิณเข้าเกณฑ์ดังกล่าว เพราะโทษไม่เกิน 4 ปี อีกทั้งไม่ได้เป็นบุคคลที่อยู่ในข่ายน่ากลัวของสังคม

 

ข่าวที่น่าสนใจ

นอกจากนี้นายสมศักดิ์ ยังเรียกทัวร์ลงไม่หยุดหย่อน โดยก่อนหน้านี้นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การตำรวจ สภาผู้แทนราษฎรออกมายืนยันว่า ในช่วงหลังปีใหม่ก่อนวันเด็กแห่งชาติ กมธ.ตำรวจจะเดินทางไปที่โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า นายทักษิณรักษาตัวอยู่จริงหรือไม่ แต่ไม่ทันข้ามวันนายสมศักดิ์ ได้ออกมาเตือน กมธ.ตำรวจ อาจถูกฟ้องดำเนินคดี หากเข้าตรวจค้นชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจโดยพลการ ขณะที่นายเศรษฐา และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรมเลือกที่จะเลี่ยงตอบคำถามในหลายโอกาสถึงเรื่องนายทักษิณ โดยโยนเป็นหน้าที่ของกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ

 

จากความอึมครึมเรื่องนายทักษิณนอน รพ.ตำรวจเกิน 120 พ่วงกับการออกมาให้สัมภาษณ์ชนิดเรียกแขกของนายสมศักดิ์ ทำให้ภาคประชาชนลุกฮือออกมาขอคำตอบเรื่องระเบียบกรมราชทัณฑ์ในการคุมขังนักโทษนอกเรือนจำเป็นการเอื้อนายทักษิณหรือไม่ โดยเฉพาะปรากฎการณ์ในสภาฯ เมื่อวันที่ 21 ธ.ค. ที่นพ.เจตน์ ศิรธารานนท์ สว. ตั้งคำถามเรื่องออกระเบียบราชทัณฑ์เป็นการช่วยเหลือนักโทษเทวดนคนเดียวหรือไม่ และนี่ถือเป็นการทำลายกระบวนยุติธรรมไทยอย่างไม่เคยมาก่อน

 

แม้กระทั่งการประชุมสภาผู้แทนราษฎร 21 ธ.ค. น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรคก้าวไกลได้ตั้งกระทู้ถามสด นายเศรษฐา ถึงหลักเกณฑ์ของกรมราชทัณฑ์ในการส่งตัวนายทักษิณไปรักษาตัวอยู่ใน รพ. นอกเรือนจำ รวมถึงในวันที่ 25 ธ.ค. คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มีนายสมชาย แสวงการ เป็นประธานเชิญ รมว.ยุติธรรม ปลัดกระทรวงยุติธรรม อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงเกี่ยวกับการออกระเบียบกรมราชทัณฑ์ เป็นการเอื้อนายทักษิณหรือไม่

 

จากนั้นเมื่อวันที่ 26 ธ.ค. นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานพรรคไทยภักดี , นายอานนท์ กลิ่นแก้ว ประธานศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.) และภาคีเครือข่ายรวม 8 ราย ยื่นฟ้อง รมว.ยุติธรรม และอธิบดีกรมราชทัณฑ์ ต่อศาลปกครองสูงสุด ขอให้เพิกถอนระเบียบกรมราชทัณฑ์ว่าด้วยการคุมขังนอกเรือนจำ โดยขอให้ศาลกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา

 

คำพูดของนายสมศักดิ์เป็นหนึ่งในสายล่อฟ้าชั้นดี ทำให้กระแสสังคมตีกลับด้วยการลุกฮือออกมาต่อต้านความเป็นอภิสิทธิชนของนายทักษิณอย่างต่อเนื่อง แต่นายสมศักดิ์ กลับเร่งดีกรีความร้อนแรงให้กระพือเพิ่มมากขึ้นด้วยการให้สัมภาษณ์ตำหนิกรมราชทัณฑ์ว่า ทำงานเช้าชามเย็นชามในกรณีนายทักษิณ เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา และยังระบุว่า เรื่องที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ไม่กระทบเสถียรภาพรัฐบาล เพราะเงื่อนไขของกฎหมายและระเบียบราชทัณฑ์มีความชัดเจน ถ้าปฏิบัติตามแนวทางและกรอบของกฎหมาย หากข้าราชการทำตามทุกอย่างก็เดินไปตามปกติ แต่ถ้าทำๆหยุดๆ ไม่จริงจัง ทำไปโดยที่ไม่เข้าใจก็จะเป็นปัญหา

จากการให้สัมภาษณ์อย่างรุนแรงของนายสมศักดิ์ที่ตำหนิกรมราชทัณฑ์ และข้าราชการอย่างรุนแรง ถือเป็นฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้คนชั้น 14 ไม่พอใจ เนื่องจากมองว่า การให้สัมภาษณ์ของนายสมศักดิ์จะส่งผลให้กระแสสังคมในภาคประชาชนรวมถึงฝั่งการเมืองต่างจับจ้องลุกฮือมากขึ้น ซึ่งจะทำให้สถานการณ์เรื่องนายทักษิณเลวร้ายมากยิ่งขึ้น จึงเป็นที่มาของการโโยกนายพีระพันธุ์มาดูแลกระทรวงยุติธรรมแทนนายสมศักดิ์ เนื่องจากนายพีระพันธุ์ มีภาพของความซื่อตรง ยึดหลักการ อีกทั้งยังเคยอดีตผู้พิพากษาผที่เชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ดังนั้นมาดูแลกระทรวงยุติธรรมที่ตอนนี้กำลังเผชิญกับข้อสงสัยต่าง ๆ ในเรื่องของนายทักษิณน่าจะเป็นการตอบโจทย์มากกว่า

อย่างไรก็ตามการไปคุมกระทรวงสาธารณสุขของนายสมศักดิ์ ก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไร เพราะเป็นที่ทราบดีอยู่แล้วว่า กระทรวงสาธารณสุขถือเป็นหน่วยงานที่มีงบประมาณจำนวนมหาศาล ซึ่งการโยกครั้งนี้นายสมศักดิ์น่าจะแฮปปี้มากกว่า แต่คนที่น่าเป็นห่วงต่อจากนี้ไปอาจเป็นนายพีระพันธุ์ที่ต้องรับเผือกร้อนเรื่องนายทักษิณไปดูแลแบบเต็ม ๆ ชนิดหลีกเลี่ยงไม่ได้

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

เมีย-แม่ยาย หอบเงินล้าน บุกติดสินบนตำรวจ ช่วยผัวค้าเฮโรอีน สุดท้ายถูกซ้อนแผนโดนรวบตัว
ไทยตอนบนอากาศยังหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 12 องศา ใต้เจอฝนฟ้าคะนองบางแห่ง กทม. มีหมอกบางตอนเช้า ร้อนสุด 31 องศา
ฮีโร่โอลิมปิคเหรียญทองน้องอร “ฉายาสู้โวย” ร่วมแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน ในงานกีฬาประจำปีอบต.ไทยสามัคคี พร้อมลงแข่งขันตีกอล์ฟบก สร้างความสนุกสนานเฮฮา
"สธ." ยันพบชาวเมียนมา ป่วยอหิวาฯ รักษาฝั่งไทย 2 ราย อาการไม่รุนแรง
สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น