หลังจากที่พายุกำลังแรงหลายลูกในมหาสมุทรแปซิฟิก ซัดเข้าแนวชายฝั่งของรัฐแคลิฟอร์เนียตอนใต้ จนทำให้เกิดคลื่นขนาดมหึมาสูง 20 ฟุต กระแทกเข้ากับกำแพงกันคลื่น เข้าพื้นที่ถนนจนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน นักพยากรณ์คาดการณ์ว่า จะมีคลื่นสูงถึง 7 เมตร มีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมชายฝั่งครั้งใหญ่ ความเสี่ยงจะมีไปจนถึงคืนวันที่ 30 ธันวาคม ตามเวลาท้องถิ่น โดยคำเตือนคลื่นสูงและน้ำท่วมชายฝั่ง จะมีผลบังคับใช้จนถึงเวลา 22.00 นาฬิกา ของวันที่ 30 ธันวาคม
ด้านกรมอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ ก็ออกคำเตือนว่า หลายชายหาดอย่างเฮอร์โมซา, แมนฮัตตัน, และปาลอส เวอร์เดส จะเผชิญกับคลื่นที่รุนแรงที่สุด และมีความเสี่ยงที่จะเกิดน้ำท่วมชายฝั่งครั้งใหญ่ คลื่นขนาดยักษ์อาจพัดพาผู้คนออกจากชายหาดและกระทบโขดหิน จนทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ เรือเล็กอาจล่มที่ใกล้ชายฝั่ง และท่าเรืออาจได้รับความเสียหาย ความเสี่ยงจากคลื่นจะลดลงในวันเสาร์ สำหรับแคลิฟอร์เนียตอนเหนือ แต่ยังคงดำเนินต่อไปทางตอนใต้ของรัฐโอเรกอน
ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติในลอสแอนเจลิส ของรัฐแคลิฟอร์เนียเตือนนักเล่นเซิร์ฟและผู้ที่เที่ยวชายหาดว่า มีความเสี่ยงสูงที่จะประสบอุบัติเหตุทางน้ำ พร้อมคาดการณ์ว่า สถานการณ์ตอนนี้ จะเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมชายฝั่งและคลื่นสูงเป็นพิเศษ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว ขณะที่ระบบสาธารณะของรัฐแคลิฟอร์เนียระบุว่า ผู้ที่ต้องการทำกิจกรรมกลางแจ้ง จะต้องระมัดระวังตัวเองจากตามแนวชายฝั่ง สวนสาธารณะและชายหาดมากกว่า 12 แห่งในรัฐแคลิฟอร์เนีย ถูกปิดทั้งหมด เนื่องจากสภาพอากาศเลวร้าย
ทั้งนี้ ข้อมูลของการบริหารมหาสมุทรและบรรยากาศแห่งชาติ (หรือ NOAA) ได้แสดงให้เห็นว่า ระดับน้ำทะเลได้เพิ่มสูงขึ้นตามแนวชายฝั่งแคลิฟอร์เนียส่วนใหญ่ ในช่วงศตวรรษที่ผ่านมา จากอุณหภูมิโลกสูงขึ้น และธารน้ำแข็งละลาย ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น ทำให้เหตุการณ์น้ำท่วมชายฝั่งเลวร้ายลง และจะยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไปในอนาคต