วันที่ 30 ธ.ค. นายคมสัน โพธิ์คง อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้สัมภาษณ์กับท็อปนิวส์ ถึงกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคดีนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ถือหุ้นไอทีวี วันที่ 24 มกราคมปีหน้า ว่า ส่วนตัวเห็นแนวโน้มว่านายพิธาไม่น่าจะรอด เพียงแต่ศาลรัฐธรรมนูญไม่ได้เร่ง เนื่องจากปัจจุบันนายพิธาไม่ได้ทำหน้าที่ สส.อยู่แล้ว หากเร่งไปอาจจะถูกอีกฝ่ายมองว่ามีธงมาแล้ว ถูกกลั่นแกล้ง การไม่เร่งรีบเป็นผลดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้เป็นผลดีอะไรกับนายพิธา สุดท้ายตนมองว่านายพิธาไม่รอดเรื่องนี้ จากนั้นจะโดนกลไกทางกฎหมายอีกหลายเรื่อง ซึ่งอาจนำไปสู่การทำให้นายพิธาไม่สามารถเล่นการเมืองได้อีกตลอดชีวิตเลยก็ได้ และอาจทำให้ สส.ทั้งพรรคก้าวไกลเกิดปัญหา เพราะ นายพิธาถือหุ้นสื่อ ซึ่งในข้อบังคับพรรคก้าวไกลเขียนมาตรฐานสูงกว่าพรรคอื่น คือห้ามถือหุ้นสื่อ ห้ามเป็นสมาชิก ซึ่งกฎหมายพรรคการเมืองระบุว่าการบริหารพรรคการเมืองต้องกระทำโดยสมาชิก ซึ่งนายพิธาได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค ในเมื่อ นายพิธา ไม่มีคุณสมบัติเป็นสมาชิก เท่ากับพรรคก้าวไกลถูกบริหารโดยบุคคลซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และการถูกบริหารโดยบุคคลที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค หากถูกจับได้ ก็จะถูกยุบพรรค และกรรมการบริหารถูกตัดสิทธิ์ทั้งหมด
ส่วนคดีที่พรรคก้าวไกลเสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ…เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่ ศาลฯได้นัดอ่านคำวินิจฉัยวันที่ 31 มกราคมปีหน้านั้น นายคมสัน กล่าวว่า มีคนมองว่าเป็นการล้มล้างการปกครอง เพราะ ระบอบการปกครองในประเทศไทย เป็นระบอบการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ซึ่งเป็นชื่อระบอบการปกครองของประเทศ แม้จะมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก็จริง แต่คุณมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่เหมือนหลายประเทศที่มีบุคคลธรรมดาเป็นประมุข