หมอเหรียญฯ โพสต์จุดยืนชีวิต เปิดใจสาเหตุไม่คิดขายหุ้นรพ.มงกุฎวัฒนะ

พูดง่ายๆว่า ไม่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนหรอกครับ มิหนำซ้ำผู้บริหารอย่างผมก็ไม่ให้ความสนใจกับนักลงทุนสักเท่าไหร่ ถึงแม้ตัวผมเองจะมีธรรมาภิบาลสูงมาก มีความโปร่งใสก็ตาม ที่สำคัญผมยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าตัวชี้วัดผลประกอบการทางธุรกิจ ด้วยชุดความคิดของผู้บริหารอย่างผมจึงไม่ใช่ ‘ทุนนิยม’ ที่สมควรนำ บมจ.มงกุฎวัฒนะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หรือถ้านำเข้าจดทะเบียน มันคงดูขี้เหร่น่าดู

แต่ผมก็รู้สึกประหลาดใจนะครับที่ทุกวันทำการกลับมีบุคคลทั่วไปติดต่อสำนักงานอำนวยการเพื่อขอซื้อหุ้น ทั้งๆที่เรายังไม่มีมติเพิ่มทุน และหากมีมติเพิ่มทุนจริง มติผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ซึ่งมีจำนวนมากถึง 8,000 รายก็คงต้องจัดสรรตามสัดส่วนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมก่อน ซึ่งก็จะมีเหลือน้อยมากสำหรับบุคคลทั่วไป

สัปดาห์หน้า กลุ่มทุนจีน ไม่สีเทานะครับ เป็นกลุ่มทุนอุตสาหกรรมทางการแพทย์ในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้ ก็มาพบผมในฐานะเพื่อนที่คบค้ากันมานานกว่า 10 ปี มาทีไรก็ตื้อทุกที ผมก็บอกไปว่ากิจการของ บมจ.มงกุฎวัฒนะ มันกำไรน้อย ผลตอบแทนน้อย อย่าไปร่วมทุนเลย เราต้องการให้ประชาชนคนไทยเป็นเจ้าของเป็นหลัก

มีคำถามว่าถ้าผมตายไปแล้ว ลูกหลานผมจะสานต่อหรือไม่ ผมก็ขอเรียนตามตรงว่าอนาคตเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงย่อมเป็นพลวัต [Dynamic] การเปลี่ยนแปลงที่จะนำพา บมจ.มงกุฎวัฒนะไปสู่ความจีรังยั่งยืนนั้นอาจจำเป็นต้องเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯก็ได้ แต่ก็ไม่ถูกต้องเสมอไปนะครับ เพราะถ้าผู้บริหารในอนาคตมีแนวทางการบริหารที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาตลาดทุน ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่สำคัญคำว่า ‘พอ’ สามารถพัฒนากิจการได้นะครับ คำว่า ‘พอ’ ไม่ได้หมายความ ‘หยุด’ การพัฒนา เพียงแต่ไม่ทำอะไรที่เกินตัว รู้จักประมาณตน ทำอย่างค่อยเป็นค่อยไป เป็นลำดับขั้นได้
ผมกำลังวางรากฐาน บมจ.มงกุฎวัฒนะ การสร้างผู้บริหารรุ่นใหม่ที่มีความเข้าใจในเรื่องของ ‘ทุนนิยม’ แล้วประยุกต์หลักการของทุนนิยมให้เข้ากับ ‘สังคมนิยม’ ในการดำเนินธุรกิจ การผสมผสานให้เกิดความสมดุลระหว่าง ‘ทุนนิยม’ กับ ‘สังคมนิยม’ ในทางธุรกิจจะทำให้ บมจ.มงกุฎวัฒนะมีความจีรังยั่งยืนสืบไปครับ