5 ม.ค.67 นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทวิตข้อความผ่านทวิตเตอร์ถึงการชี้แจงเกี่ยวร่างพระราชบัญญัติงบประมาณ ปี 67 ต่อสื่อมวลชนในหลายประเด็น โดยนายจุลพันธ์ ระบุว่า การจัดสรรงบประมาณแผ่นดิน ไม่มีกติกากำหนดว่าช่วงวิกฤตหรือไม่วิกฤตจะต้องปรับลดหรือเพิ่มส่วนไหน เท่าไร บางปีลดเยอะ บางปีลดน้อย ในบางครั้งที่มีการอนุมัติงบประมาณแผ่นดินแล้ว แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์เฉพาะหน้าขึ้น เช่น การจัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า หรือเหตุการณ์อื่นๆ ก็เคยมีปรากฏว่ารัฐบาลในอดีต ได้ให้หน่วยงานแต่ละส่วนไปลดทอนสัดส่วนงบประมาณของตนลง ไม่ได้ลดเฉพาะกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่เป็นการลดแบบ across the board ที่ทุกส่วนงานก็จะทอนส่วนของตัวเองลงตามความเหมาะสม เพื่อประคับประคองสภาวะเศรษฐกิจและงบประมาณแผ่นดินในปีนั้นๆ
ส่วนการจัดการงบประมาณต่อจากรัฐบาลก่อนหน้านั้น งบประมาณส่วนหนึ่งเป็นการสานต่อโครงการของรัฐบาลก่อนหน้าจริง และเป็นไปตามข้อผูกพันทางกฎหมาย หรือรัฐธรรมนูญ เช่น โครงการพัฒนาศักยภาพประเทศในด้านต่างๆ ซึ่งจำเป็นต้องทำอย่างต่อเนื่อง เราก็ต้องทำต่อให้แล้วเสร็จ ส่วนงบประมาณอื่นๆ เช่น งบประมาณในการเจรจาความระหว่างประเทศ งบประมาณเงินเดือนของพี่น้องข้าราชการ งบประมาณค่าสมาชิกขององค์กรความระหว่างประเทศ ค่าเบี้ยเลี้ยงผู้สูงอายุ ค่าเงินคนพิการ และงบประมาณในอีกหลายด้าน รวมเป็นจำนวนราวสองล้านกว่าล้านบาท ซึ่งมากกว่ากึ่งหนึ่งของงบประมาณทั้งหมด และรัฐบาลปัจจุบันไม่สามารถปรับเปลี่ยนงบประมาณในส่วนนี้ได้ครับ งบประมาณอีกส่วนหนึ่งที่มีอยู่ราว 1.5 ล้านล้านบาท ได้รับการจัดสรรและปรับเปลี่ยนภายในระยะเวลาสามเดือนที่ผ่านมาเรียบร้อยแล้ว เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ฉะนั้นจะมีทั้งงบประมาณส่วนที่รัฐบาลปรับแล้ว และส่วนที่ไม่สามารถปรับได้ แต่โดยรวมงบประมาณได้รับการจัดสรรให้เป็นไปตามนโยบาลของรัฐบาลชุดปัจจุบัน ที่เราได้แถลงต่อรัฐบสภาเมื่อเดือนกันยายน 2023