เมื่อเวลา 10:30 น. ที่ผ่านมา (5 มกราคม 2567) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ขลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่าย กอ.รมน. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ขลุง กรมเจ้าท่า วางแผนการเข้าชาร์จจับกุมผู้ลักลอบดูดทรายขายโดยผิดกฎหมาย หลังจากที่ประชุมวางแผนเสร็จจึงนำกำลังพร้อมอาวุธเดินทางไปยังสถานที่เกิดเหตุ ตั้งอยู่ ริมลำคลองตรอกนอง หน้าฝายน้ำล้นตรอกนอง พื้นที่ หมู่ 2 ต.ตรอกนอง อ.ขลุง เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่ามีรถแม็คโคร กำลังทำงานขุดตักทรายอยู่หนึ่งคัน เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวแจ้งให้หยุดเครื่องยนต์ พร้อมกับชูมือเดินลงมาจากรถ หลังจากสอบถามทราบชื่อผู้ขับรถคือนาย ปฏิภาณ วัยวุฒิ อายุ 24 ปี ภูมิลำเนาเป็นชาว ต.มาบไพ อ.ขลุง ในขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าทำการควบคุมไม่มีการขัดขืนหรือต่อสู้แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่จึงทำการบันทึกภาพตรวจสถานที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจึงเชิญตัวไปสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรขลุง
ข่าวที่น่าสนใจ
สอบถาม น.ส. ราตรี สืบวงษ์รุ่ง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 เล่าให้ฟังว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของเป็นบุคคลในพื้นที่ตำบลตกนองนี่เอง ในขณะที่เจ้าหน้าที่บุกเข้าไป เจ้าของออกมาหลบอยู่สวนข้างนอก โดยพฤติกรรมขุดทรายมานานแล้ว เพื่อนำไปขาย ก่อนหน้านี้ฝ่ายปกครองเคยเข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง พบรถแม็คโครและรถบรรทุกแต่ไม่พบคนขับ ก่อนหน้านี้ไม่ใช่รถคันนี้ คันนี้เพิ่งเปลี่ยนเข้ามา
โดยครั้งแรกที่ฝ่ายปกครองเข้าไป ได้โต้เถียงว่าตนเองไม่ได้นำไปขาย มีหลักฐานหรือไม่ว่าตนเองเอาไปขาย เหมือนท้าทายไม่มีใครทำอะไรได้ และไม่ยอมหยุด ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลแต่ว่าออกกร่างๆนิดนึงไม่ฟังใคร ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านกล่าว
นายกิตติพงษ์ อุดมคติ อายุ 58 ปี ชาวบ้านข้างเคียง ให้ข้อมูลว่า รายนี้ทำมาประมาณ 5 ปีแล้ว โดยจะลงมือทำในช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์หรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ โดยตนเองได้รับความเดือดร้อนในเรื่องของฝุ่นจากที่รถบรรทุกวิ่งผ่าน และเกรงว่าคนในหมู่บ้านจะรับอุบัติเหตุเนื่องจากการเหยียบกรวดทราย ก่อนหน้านี้เคยเจ้าหน้าที่ไปเตือนแต่ก็ไม่ฟัง และอีกการเถียงว่าเป็นคดีเล็กน้อยจะหมดสักเท่าไหร่ เป็นแค่คดีมนุษย์สาลี่ทั่วไป ไม่ใช่ผู้มีอิทธิพลแต่เป็นคนมึน ไม่สนใจใครเอาเงินอย่างเดียว โดยชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากใต้ลำน้ำลงไปหลาย 10 หลังคาเรือนแต่ไม่มีใครกล้าพูด “นายกิตติกิตติพงศ์กล่าว”
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหากับผู้ขับรถแม็คโครคือนาย ปฏิภาณ วัยวุฒิ ว่ากระทำความผิด ตาม พรบ. เดินเรือในน่านน้ำไทย พุทธศักราช 2456 ตามมาตรา 120 ห้ามมิให้ผู้ใด ขุดลอกแก้ไขหรือทำด้วยประการใดๆอันเป็นการเปลี่ยนแปลงร่องน้ำทางเรือเดินแม่น้ำลำคลองทะเลสาบหรือทะเลภายในน่านน้ำไทยเว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าท่าผู้ใดฝ่าฝืน ต้องระวังโทษปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 50,000 บาท ทั้งนี้ได้อายัด รถแบ็คโฮหมายเลข ตค 4177 ไว้กับ นางนภาลัย ปุรณะ ซึ่งเป็นเจ้าของรถแบ็คโฮ ไว้รักษาแต่มิให้ใช้ประโยชน์จากรถแบ็คโฮ จนกว่าคดีถึงที่สุดสิ้นสุด
สมเศียร โชติสนิท ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดจันทบุรี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง