นายแอนโทนี่ บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ เดินทางเยือนตะวันออกกลางและอิสราเอล เป็นรอบที่ 4 นับตั้งแต่สงครามอิสราเอลและฮามาสปะทุขึ้นเมื่อต้นเดือนตุลาคมปีที่แล้ว โดยในการเยือนอิสราเอลนั้น บลิงเคนได้พบกับนายยูอาฟ กัลแลนท์ รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ซึ่งกัลแลนท์ได้สรุปให้บลิงเคนฟัง เกี่ยวกับพัฒนาการของสงคราม และกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงยุทธวิธีการต่อสู้ของอิสราเอล ในฉนวนกาซาตอนเหนือ ซึ่งทางกองทัพได้ลดขนาดการสู้รบบางส่วนลงแล้ว
อย่างไรก็ดี กัลแลนท์ได้เน้นย้ำว่า ปฏิบัติการในภูมิภาคข่าน ยูนิส จะเข้มข้นขึ้นและดำเนินต่อไป จนกว่าจะได้พบกับผู้นำของกลุ่มฮามาส และตัวประกันอิสราเอลได้กลับบ้านอย่างปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่สำคัญที่สุดของอิสราเอลในปัจจุบันอีกประการคือ การช่วยให้ผู้คนสามารถเดินทางกลับอิสราเอลทางตอนเหนือได้ ซึ่งตอนนี้ การสู้รบกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น จนหวั่นเกรงว่า จะเกิดการลุกลามเป็นวงกว้างได้
ทั้งนี้ นอกจากการพบกับรัฐมนตรีกลาโหมแล้ว บลิงเคนยังมีการประชุมกับนายอิสราเอล แคทซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศของอิสราเอล ซึ่งแคทซ์ได้กล่าวกับบลิงเคนว่า กองทัพของอิสราเอลจำเป็นต้องจบสงครามกับกลุ่มฮามาสให้ได้ เพื่อชีวิตตัวประกัน และบรรลุความมั่นคงของประชาชนอิสราเอล
นอกจากนี้ แคทซ์ยังระบุต่อว่า ตอนนี้ พลเรือนที่ถูกสั่งให้อพยพออกจากเมืองทางตอนเหนือของอิสราเอล เนื่องจากการสู้รบข้ามพรมแดนระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ ยังไม่สามารถกลับบ้านได้ ดังนั้น เราจึงต้องหาวิธีทางการทูต ในการกดดันอิหร่านและฮิซบอลเลาะห์ ให้พวกเขาถอนตัวออกไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ประเด็นคือ ต้องสร้างแรงกดดันอย่างมากในตอนนี้ เพื่อป้องกันสงครามในวันพรุ่งนี้ และสิ่งสำคัญคือ ต้องทำทุกอย่างที่เป็นไปได้ เพื่อป้องกันการทำสงครามกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์