สืบเนื่องจากประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 3) ประจำปี 2567 โดยมีระเบียบวาระสำคัญคือ เรื่องที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เสนอขอความเห็นชอบในโครงการการรับมอบงานทรัพย์สินระบบการเดินรถ หรือไฟฟ้าและเครื่องกล โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายที่ 2 กรอบวงเงินรวม 23,488 ล้านบาท ซึ่งเรื่องดังกล่าวสืบเนื่องจากค่าจ้างติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล หรือ E&M เช่น งานระบบเก็บตั๋ว ระบบอาณัติสัญญาณ งานระบบสื่อสาร งานระบบจ่ายไฟ ระบบศูนย์ควบคุมสั่งการ ฯลฯ ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยายช่วงที่ 2 แบริ่ง-สมุทรปราการ และหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC ผู้ให้บริการรถไฟฟ้า BTS เป็นคู่สัญญา โดยมีค่าจ้างงานอยู่ที่ 23,488 ล้านบาท และครบกำหนดต้องชำระ
โดยนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า โครงการนี้เริ่มมาก่อนที่พวกเราเข้ามา แต่เป็นหน้าที่ของเราในการหาข้อยุติ โดยยึดประโยชน์ของประชาชนและของกทม.เป็นหลัก ซึ่งขั้นตอนหากวันนี้สภากทม.เห็นชอบในการโอนหรือรับค่าจ้างติดตั้งงาน E&M ก็จะนำเรื่องเสนอกระทรวงมหาดไทยและรายงานต่อครม. เพราะว่าหนี้ส่วนดังกล่าวอยู่ในแพ็คเกจที่อยู่ในครม. เพื่อขยายสัมปทานไปถึงปี พ.ศ.2604 ฉะนั้นถ้าเราจะทำก็ต้องให้ครม.เห็นชอบให้เราชำระเงินก่อน ถ้าครม.ไม่ขัดข้อง กทม.ก็จะทำงบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม และนำเข้าสภากทม.อีกครั้ง หากทุกอย่างผ่านก็จะสามารถเบิกจ่ายเงินได้
ส่วนถามว่าทำไมเราต้องรับE&Mมา ไม่ปล่อยให้เขาฟ้องนั้น นายชัชชาติ ชี้แจงว่า เพราะปริมาณผู้โดยสารและรายได้จากรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 2 มีผู้โดยสารทั้งหมดคิดเป็น 18% ของผู้โดยสารที่ใช้รถไฟฟ้าทั้งหมดของกทม. ซึ่งอยู่วันละประมาณ 1.5 ล้านคน จึงเป็นหัวใจสำคัญในการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ดังนั้นมีความจำเป็นที่จะต้องให้ระบบเดินต่อได้ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะลำบาก อีกทั้งงานระบบE&Mได้ติดตั้งแล้วจริงแล้ะมีการเดินรถตั้งแต่ปี 63 และครบกำหนดชำระตามที่กรุงเทพธนาคม หรือ KTแจ้งมา รวมถึงมีภาระดอกเบี้ย ค่าปรับต่างๆหากเราไม่ชำระตามเวลา ขณะเดียวกันหากเรามีระบบตรงนี้ทำให้เราสามารถต่อรองการจัดการเดินรถได้ในอนาคต
ขณะที่นายสุทธิชัย วีรกุลสุนทร สก.เขตจอมทอง พรรคเพื่อไทย อภิปรายแสดงความเห็นว่า ผู้ว่าฯกทม.ต้องดำเนินการให้เร็ว เพราะรอช้าไม่ได้ โดยเสนอร่างพระราชบัญญัติยืมเงินสะสมจ่ายขาด เพื่อมาจ่ายเงินตรงนี้ไป จะได้จบสักทีเรื่องรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพราะหากไปเสนอครม.ก่อน กว่าจะประชุมและไม่รู้เมื่อไหร่จะส่งเรื่องกลับมา อาจจะ 3 เดือนหรือ 4 เดือน จะทำให้กทม.มีภาระหนี้สินเพิ่มขึ้นอีกจากดอกเบี้ย