วันนี้ (22 ม.ค.) นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.สัญจร) ที่ จ.ระนอง ถึงกรณีที่ นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนรายงานการศึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาฯ โครงการแลนด์บริดจ์ เพื่อจะได้สบตาประชาชนที่อาจจะได้รับผลกระทบจากโครงการ ว่า จริงๆแล้วคณะกรรมการมีการประชุมกันถึง 10 ครั้ง มีหน่วยงานที่เข้าร่วมชี้แจงถึง 50 ครั้ง ซึ่งการทบทวนรายงานเป็นความเห็นของสมาชิกส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะใน กมธ.วิสามัญ ในวันนั้น มีบุคคลที่เห็นชอบ 20 เสียง และคนที่คัดค้านเพียง 2 เสียง และก็ยังมีโอกาสแสดงออกอีกครั้งเมื่อร่างดังกล่าวเข้ามาในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถ้าใครเห็นชอบก็สามารถกดเห็นชอบ และถ้าหากใครไม่เห็นชอบ ก็สามารถอภิปรายกันได้อย่างกว้างขวาง ซึ่งเราเปิดโอกาสให้สมาชิก จากทุกพรรคการเมืองในสภาทั้ง 500 คน แสดงความเห็น และ ท่านก็ไปทบทวนความเห็นเหล่านั้น ในการประชุมสภาได้ และเมื่อประชุมเสร็จก็สามารถเพิ่มประเด็นไปได้อีก ว่าตั้งข้อสังเกตประเด็นไหน ทั้งประเด็นประมงพื้นบ้าน และ การเวนคืนที่ดิน จากนั้น ก็ส่งร่างไปให้ทางคณะรัฐมนตรี ตั้งร่าง พ.ร.บ.SEC และไม่ใช่แค่พิจารณากันแค่คณะรัฐมนตรี เพราะจะต้องส่งต่อไปยังให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกกระทบวงกรม รวมถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา
เมื่อถามถึงข้อสังเกตของหลายฝ่ายว่า ในรายงานฉบับนี้ไม่มีสิ่งที่รัฐบาลชุดนี้จะดำเนินการ เป็นความเห็นเดิมจากรัฐบาลที่ผ่าน นางมนพร ตอบว่า ประเด็นนี้ก็อยู่ในชั้นความเห็นในที่ประชุม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องท่อ หรือเรื่องที่สภาพัฒน์มีความเห็นต่าง ถ้าเราเอาความเห็นเดิม เราคงไม่ตั้งคณะ กรรมาธิการศึกษา ในปีที่มีรัฐบาลปัจจุบัน พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า นางสาวศิริกัญญา อาจจะไปเอาความเห็นของสภาพัฒน์เดิม ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และสาเหตุที่เราตั้งคณะกรรมาธิการศึกษาเพราะต้องการความเห็น หรือความเดือดร้อนของประชาชนจริงๆ ที่เป็นปัจจุบัน ไม่เช่นนั้นเราก็คงเอาร่างเดิมมาพิจารณากันแล้ว ซึ่งรัฐบาลรับฟังทั้งเสียงที่เห็นด้วยและเสียงที่เห็นต่าง โดยเฉพาะความเห็นต่างเราจะรับฟังให้มากที่สุด เพราะสิ่งที่ประชาชนต้องการ คือ เขาจะได้รับการชดเชยอย่างไร อาทิ อาชีพประมง ที่อยู่อาศัย และผลกระทบ ต่อระบบนิเวศในการหาปลาของชาวประมง และความเห็นของคุณศิริกัญญา ที่อ้างอิงความเห็นของสภาพัฒน์ เป็นความเห็นของการศึกษาในรัฐบาลที่แล้ว เพิ่งตนเข้าไปอ่านความเห็นปัจจุบันแล้ว พบว่า ความเห็นของสภาพัฒน์ เป็นความเห็นเชิงบวก ว่าต้องศึกษาให้รอบด้าน แล้วตนจะเชื่อมั่นว่าบริษัทเอกชนที่จะมาลงทุนในโครงการแลนด์บริดจด์ ก็คงมีการศึกษาความเป็นไปได้ ไม่ได้ดูเพียงผลการศึกษาของรัฐบาลเพียงอย่างเดียว และการมา ครม.สัญจรในครั้งนี้ เราตั้งใจจะมาเปิดการรับฟังความเห็นของประชาชน และมั่นใจว่าเราจะสบตาประชาชน และเปิดหูเปิดตารับฟังทุกความคิดเห็น