พิธา ยิ้มร่าคืนรังสภาฯ หลังศาลรธน.ชี้สมาชิกภาพ สส.ไม่สิ้นสุด เพ้อถ้าออกอีกครั้งคือเข้าทำเนียบฯ

พิธา ยิ้มร่าเข้าสภาครั้งแรกหลังได้สมาชิกภาพ สส. คืน ขอเดินหน้าตรวจสอบโครงการเรือธงของรัฐบาล หวังช่วยประชาชนพ้นวิกฤตยากจน เพ้อ ถ้าหลุดจากสภาอีกครั้งจะกลับเข้าทำเนียบ

 

25 ม.ค.2567 เมื่อเวลา 10.30 น. ที่ผ่านมา ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เดินทางเข้ารัฐสภาครั้งแรก ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญในคดีการเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) เป็นเหตุให้สมาชิกภาพ สส. ของผู้ถูกร้องสิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) หรือไม่ ซึ่งศาลสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ สส. ตั้งแต่วันที่ 19 ก.ค. 2567 ท่ามกลางการต้อนจากแฟนคลับและเจ้าหน้าที่รัฐสภาอย่างคึกคัก

 

 

 

 

 

 

 

นายพิธา ได้กล่าวถึงความรู้สึกที่ได้หวนคืนรัฐสภาอีกครั้งว่า ไออุ่นที่คุ้นเคย ยังรู้สึกว่าสภาเป็นที่รวมตัวของสังคมและประชาชน คิดถึงบรรยากาศแบบนี้ วันนี้ตนใส่เนคไทสีฟ้าไม่ได้สร้างกิมมิคอะไร เพราะตอนที่ชูกำปั้นตนใส่เส้นนี้ นึกสนุกขึ้นมาไม่มีอะไรพิเศษ ออกไปแบบไหนก็กลับมาแบบนั้น

“เสียดาย 6 เดือน ที่ไม่มีโอกาสในการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ซึ่งคงไม่มีใครบอกได้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร หรือถ้ามีครั้งที่ 2 แล้วดีขึ้น จะกลายเป็นครั้งที่ 3 หรือไม่ แต่เราบริหารจัดการเวลาได้ ใช้เวลา 6 เดือนในการพบปะพี่น้องประชาชน ทำงานกับเพื่อน สส.ที่อยู่ข้างหลังในการลงพื้นที่ตอนถูกสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่”

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อถามว่า จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรค หรือผู้นำฝ่ายค้าน หรือไม่ นายพิธา เผยว่า คำตอบนี้ต้องแยกเป็น 2 ส่วน คือ 1.ตามกระบวนการพรรคก้าวไกลจะมีการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เดือนเมษายน ต้องผ่านการคัดเลือกของกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ หรือสมาชิกในที่ประชุม 2.ตนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็ทำหน้าที่ได้ดี ทำงานแหลมคม เป็นตัวเอง ทั้งตนและนายชัยธวัช ไม่มีใครยึดติดตำแหน่งทั้งคู่ อีกทั้ง ไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องเลื่อนการประชุม เพราะกรรมการบริหารพรรคพรรคก้าวไกลทำงานครบ 4 ปีตามวาระ จะต้องแจ้งให้ชัดว่าการประชุมครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับตน แต่ต้องมีการเปลี่ยน หรือว่ามีการจัดการซึ่งเป็นเรื่องปกติ

 

 

 

เมื่อถามว่า มีอะไรเป็นข้อควรระวังฝากไปถึงรัฐบาล เพราะตอนนี้ฝ่ายค้านพร้อมที่จะทำงานตรวจสอบแล้ว นายพิธา ย้ำว่า ตนยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ได้ค้านทุกเรื่อง ค้านเฉพาะเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีความชอบธรรม หรือค้านเพื่อที่จะแนะนำให้มีทางเลือกอื่น เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา ปัญหาชายแดนภาคใต้ ส่วนวาระร่วมเพื่อประชาชนไม่ว่าพรรคไหนถ้าเป็นวาระดีๆ เช่น สมรสเท่าเทียม พ.ร.บ.อากาศสะอาด สุราก้าวหน้า การทำประชามติ สามารถทำการเมืองสร้างสรรค์ เอาประชาชนมาตั้ง โดยจะใช้ข้อมูลที่ได้จากการประชุมกับผู้นำท้องถิ่น มาอภิปรายในวันที่ 26 ม.ค.ที่จะถึงนี้ เรื่องปัญหาขยะล้นเมือง และการจัดการขยะ ใน จ.สมุทรปราการ และ จ.ภูเก็ต ในญัติติของพรรคภูมิใจไทย เพราะฉะนั้น ไม่เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

เมื่อถามว่า ภารกิจแรกในการกลับมาเป็น สส.คืออะไร นายพิธา กล่าวว่า คุยกับเพื่อน สส. ทักทายกันให้หายคิดถึง อาจจะแวะไปพูดคุยกับนักศึกษาที่มาสภาในวันนี้ รอจังหวะที่ไม่รบกวน สส.ที่อภิปรายอยู่เดินเข้าห้องใหญ่ และเตรียมตัวอภิปราย แถลงแผนงานของพรรคก้าวไกลในวันพรุ่งนี้ ว่าเป้าหมายและการทำงานในเชิงปฏิบัติของพรรคเราในปีนี้คืออะไร ประชาชน และสมาชิกจะได้มีส่วนร่วมในการทำงาน

 

 

 

ส่วนข้อครหาต่างๆ ที่ผ่านมาของพรรคก้าวไกล จะมีการเดินหน้าต่ออย่างไร นายพิธา กล่าวว่า ขอแสดงความเสียใจ และขอโทษประชาชน ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่นายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ เป็นหัวหน้าพรรค ตนก็ไม่อยากเป็นสถาบันที่มีหัวหน้า 2 คน ก็ต้องรู้ที่ของตัวเองว่าเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ก็ต้องให้คำปรึกษากับนายชัยธวัช ซึ่งได้มีการพูดคุยกันตลอด ทั้งในมุมที่จะป้องกันสถานการณ์แบบนี้ไม่ให้เกิดขึ้น หรือรักษาเมื่อเหตุเกิดแล้ว ก็แสดงท่าทีให้ไว เช่น ให้ นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรต ออกมาชี้แจงในส่วนของความเข้าใจผิดต่างๆ

 

 

“จะเรียนรู้จากความผิดพลาด และปรับปรุง โดยที่ไม่แก้ตัว ยอมรับว่าเรายังต้องพัฒนากันอีกเยอะ ประชาชนคงสัมผัสได้ถึงความเป็น พัฒนาการความเป็นสถาบันการเมืองของเรา”

ส่วนจะดำเนินคดีกับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะเป็นผู้ร้องคดีข้างต้นหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ไม่มี เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วในอดีต ตอนนี้จะใส่ใจกับปัจจุบัน ใช้สมาธิ ทรัพยากรเวลา กับการทำงานในปัจจุบัน และอนาคตที่จะถึง ตามแผนการดำเนินงานที่จะแถลงในวันพรุ่งนี้

 

 

เมื่อถามว่าจะมีการจับตาโครงการแลนด์บริดจ์เป็นพิเศษหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า จะจับตาเป็นพิเศษ เพราะในช่วงที่ตนถูกสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ตนได้สังเกต ว่าโครงการเรือธงของรัฐบาลมี 3 โครงการ ได้แก่ 1. ดิจิทัลวอลเล็ต 2. โครงการแลนด์บริดจ์ 3. ซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งมีหลายเรื่องที่เราเห็นตรงกัน แต่ก็มีอีกหลายเรื่องที่เราต้องพูดคุยกันเป็นพิเศษ จะต้องมองในมุมกว้างและลึก และดูว่าทางเลือกและเป้าหมายคืออะไร

 

 

 

ส่วนความเห็นในโครงการดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาลนั้น ประชาชนมีความเดือดร้อนพอสมควร เศรษฐกิจโตช้าและซบเซาเป็นเวลานาน ซึ่งไม่ใช่ความผิดของรัฐบาลปัจจุบัน แต่เป็นปัญหาจากการเมืองไทย ที่ไม่มีการปรับโครงสร้าง และทำให้ประเทศเดินช้า และกังวลว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ด้วยการใช้งบประมาณระยะยาว จะทำให้ไม่มีพื้นที่การคลังในการแก้ปัญหาระยะยาว จึงอยากจะชวนรัฐบาลให้คิด ว่าจะมีแผนสองหรือไม่ การกระตุ้นเศรษฐกิจจากฐานราก อย่าดูถูกรายละเอียด หรือโครงการเล็กๆ น้อยๆ ถ้าทำรวมกันอาจทำให้พลังเศรษฐกิจระเบิดขึ้นมาได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นโครงการแจกเงินแบบบนลงล่าง หากแก้ปัญหาให้ตรงจุด ก็จะทำให้ช่วยประหยัดงบประมาณ และไม่ต้องกู้เงินสร้างภาระเพิ่มขึ้น

 

เมื่อถามถึงความกังวลในกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะนัดฟังคำวินิจฉัยในคดีนโยบายแก้ ม.112 ของพรรคก้าวไกล นายพิธา กล่าวว่า ความรู้สึกเหมือนตอนคดีไอทีวี เราแยกแยะได้ ว่าอะไรควบคุมได้หรือไม่ได้ ทั้งนี้ ส่วนที่เราควบคุมได้ เราก็ได้ทำเต็มที่

ทั้งนี้ ก่อนที่นายพิธาจะเดินออกจากวงสัมภาษณ์ไป ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า เข้าสภาฯ รอบนี้ ไม่ออกแล้วใช่หรือไม่ นายพิธา กล่าวติดตลกว่า “ถ้าจะออก ก็ออกไปทำเนียบรัฐบาลอย่างเดียว”

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

“เอกภพ” ได้ประกันตัว ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ปมให้ข้อมูลเท็จดิไอคอน จ่อฟ้องกลับ
สามเชฟดังร่วมรังสรรค์เมนูเพื่อการกุศลทางการแพทย์
"ทนายบอสพอล" เผยเป็นไปตามคาด "เอก สายไหม" ถูกจับ จ่อดำเนินคดีหมิ่นประมาท เรียกค่าเสียหาย 100 ล้าน
ศาลออกหมายจับ 'เจ๊หนิง' พร้อมสามีและหลาน ร่วมกันแจ้งความเท็จ 'ภรรยาบิ๊กโจ๊ก'
อิสราเอลถล่มเลบานอนดับครึ่งร้อย
หมายจับ ICC กระทบอิสราเอลอย่างไร
เปิดวิสัยทัศน์ประธานเครือข่ายธุรกิจ Bizclub นครราชสีมาคนใหม่ “กิม ฐิติพรรณ จันทร์ประทักษ์”
เกาหลีใต้ชี้รัสเซียส่งระบบป้องกันภัยทางอากาศให้เกาหลีเหนือ
สหรัฐเมินไฮเปอร์โซนิครัสเซียลั่นไม่หยุดหนุนยูเครน
เมียเอเย่นต์ค้ายาบ้า ร้องถูกตร.รีด 5 แสน แลกปล่อยตัว พ่วงเรียกเก็บเงินรายเดือน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น