วันที่3 ก.ย. 2564 ที่ ศูนย์แถลงข่าวโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงข่าวว่า จากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด สายพันธุ์เดลต้า ทำให้วัคซีนทุกตัวที่ใช้ มีประสิทธิภาพลดลง จึงมีการวิจัยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพวัคซีนและกระตุ้นภูมิคุ้มกันเพื่อสู้กับสายพันธุ์เดลตา
โดยการวิจัยของ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ผลสอดคล้องกันว่า การฉีดวัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวค ตามด้วย แอสตร้าเซเนก้า ทำให้ภูมิคุ้มกันสูงในเวลารวดเร็ว ต่อสู้กับ สายพันธุ์เดลตาได้ ซึ่งหลายประเทศ เช่น เยอรมนีและอิตาลี ก็มีการฉีดสูตรไขว้แอสตร้าเซเนก้าตามด้วยไฟเซอร์
สำหรับการฉีดไขว้ในประเทศไทยนั้น วันนี้ กระทรวงสาธารณสุข มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉินด้านการแพทย์และสาธารณสุข กรณีโรคติดเชื้อโควิด 19 หรือ ศบค.สธ. ได้เห็นชอบการฉีดวัคซีนสูตรไขว้ คือ
1.วัคซีนสูตรไขว้ซิโนแวคและแอสตร้าเซเนก้า ระยะห่าง 3-4 สัปดาห์ เป็นสูตรหลักของประเทศไทย และเพิ่มสูตรไขว้แอสตร้าเซเนก้าตามด้วยไฟเซอร์ ระยะห่าง 4-12 สัปดาห์ ซึ่งสูตรนี้จะใช้แพร่หลายในเดือนตุลาคมเป็นต้นไป เนื่องจาก จะมีวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าและไฟเซอร์จำนวนมาก
2.การฉีดกระตุ้นในผู้ที่ฉีดซิโนแวค 2 เข็มด้วยแอสตร้าเซเนก้า
3.ผู้ที่หายป่วยโควิดในช่วง 1-3 เดือน ซึ่งยังไม่ได้ฉีดวัคซีน หรือฉีดวัคซีนยังไม่ครบ 2 เข็ม หรือครบ 2 เข็มแต่ไม่ถึง 14 วันแล้วติดเชื้อ ให้ฉีดกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้วยแอสตร้าเซเนก้าหรือไฟเซอร์ 1 เข็ม
นายแพทย์โสภณ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ดำเนินการจัดหาวัคซีนโควิด 19 ให้ประชาชนในประเทศไทยตามความสมัครใจตามนโยบายรัฐบาล ตั้งแต่ปี 2563 ได้ติดต่อกับบริษัทต่าง ๆ เพื่อสั่งจองซื้อวัคซีน ขณะนั้น ยังไม่มีวัคซีนชนิดใดที่ผลิตได้สำเร็จ การจัดซื้อวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มีการลงนามสัญญาจองซื้อตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ยังไม่มีมีวัคซีนออกมา จึงไม่ได้กำหนดเวลาส่งมอบชัดเจน แต่มีการหารือมาเป็นระยะ และจากการที่โรงงานผลิตวัคซีนอยู่ในประเทศไทย เมื่อผลิตสำเร็จจึงมีการส่งมอบให้ประเทศไทยเป็นประเทศแรกและได้รับอย่างต่อเนื่องตามที่ตกลงกัน โดยเดือนกันยายนนี้ส่งมอบอย่างน้อย 7.3 ล้านโดส ตุลาคม 10 ล้านโดส และพฤศจิกายน-ธันวาคมเดือนละ 13 ล้านโดส
ส่วนวัคซีนไฟเซอร์นั้น กรมควบคุมโรคและสถาบันวัคซีนแห่งชาติ มีการติดต่อประสานงานพูดคุยกับตัวแทนของทางไฟเซอร์เป็นระยะอย่างต่อเนื่อง จนมีการลงนามในสัญญา 2 ฉบับ รวมวัคซีน 30 ล้านโดส ส่งมอบล็อตแรกปลายกันยายน 2 ล้านโดส , ตุลาคม ประมาณ 8 ล้านโดส และพฤศจิกายน-ธันวาคม เดือนละ 10 ล้านโดส จนครบ และก่อนหน้านี้ ได้รับบริจาค 1.5 ล้านโดส จาก สหรัฐอเมริกา ได้กระจายให้กลุ่มเป้าหมายแล้ว ซึ่งทำให้ วัคซีนแอสตร้าเซเนก้าและไฟเซอร์ จะเป็นวัคซีนที่มีมากที่สุดใน 3-4 เดือนข้างหน้า ทำให้เกิดความมั่นคง และคนไทยเข้าถึงวัคซีนอย่างทั่วถึง