เปิดไทม์ไลน์ จับโป๊ะ “สส.จิรัฏฐ์” เบี้ยวเกณฑ์ทหาร เริ่มจากขอผ่อนผัน เลี่ยงรายงานตัว จนอายุครบ 30 พ้นระเบียบกองทัพ

เปิดไทม์ไลน์ จับโป๊ะ "สส.จิรัฏฐ์" เบี้ยวเกณฑ์ทหาร เริ่มจากขอผ่อนผัน เลี่ยงรายงานตัว จนอายุครบ 30 พ้นระเบียบกองทัพ

จากกรณีที่โลกออนไลน์ออกมากล่าวอ้างและวิพากษ์วิจารณ์ นายจิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ ส.ส.ก้าวไกล หนีทหารนั้น ต่อมา นายจิรัฏฐ์ ได้ออกมาโต้ถึงกรณีดังกล่าวว่า ตนต้องนำใบจริงไปยื่นอยู่แล้ว ส่วนการตรวจสอบ ว่าเป็นเอกสารจริงหรือไม่ ถ้าอยากจะรู้ขนาดนั้น ก็เป็นหน้าที่ของราชการ เป็นเอกสารตั้งแต่ 14 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนั้นเราเป็นเด็กที่เพิ่งเรียนจบ แล้วก็ไม่ได้ไปรายงานตัว ตนจำได้ว่าวันนั้นติดเรียน หรือติดธุระอะไรสักอย่าง ก็เลยไปในวันรุ่งขึ้น “หน่วยงานราชการเรียกไปทำอะไร เราก็ทำตามหมด ให้จ่ายค่าปรับก็จ่าย ให้จับใบดำใบแดงก็จับ ให้เอกสารอะไรมาก็ทำตามกระบวนการที่เขาให้ทำทุกอย่าง ไปจ่ายค่าปรับที่ศาลรึเปล่าน่าจะใช่ ผมก็ทำตามเขา นั่งรถกับเขา แล้วเขาก็พากลับมาที่อำเภอ ทุกอย่างก็จบแค่นั้น“

 

ไม่มีคำอธิบาย

 

นายจิรัฏฐ์ ยืนยันว่า ไม่มีการปลอมเอกสารแน่นอน แต่ที่ออกมาพูดช้า ยอมรับเลย ว่าหาเอกสารไม่เจอ สุดท้ายไปรื้อเจอที่บ้านคุณแม่ ส่วนที่มีการตั้งข้อสงสัยว่า ในใบ สด. ที่เอามาแสดงนั้น ไม่มีรอยนิ้วมือ นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า ตนก็ยังสงสัยอยู่ ว่าทำไมถึงไม่มี เขาไม่ได้ให้ปั๊ม แต่ที่เช็คกับหลายคนก็ไม่มี ยืนยันหรือไม่ว่าทำตามกระบวนการถูกต้อง นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า เราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง เข้าไปในหน่วยงานราชการ ก็ทำตามกระบวนการอยู่แล้ว จะมีอำนาจอะไรไปสั่งการ

 

ไม่มีคำอธิบาย

 

ข่าวที่น่าสนใจ

เมื่อถามถึงการตั้งข้อสังเกตว่า โดยปกติแล้วหากศาลมีคำสั่งว่าหนีทหาร จะต้องไปเกณฑ์ทหารทันที ไม่ใช่ไปจับใบดำใบแดงแบบนี้ นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม กระบวนการของศาล ซึ่งตนก็ต้องทำตามที่เขาให้ทำ ส่วนรู้สึกแปลกหรือไม่ ”เอาตรงๆ รู้สึกโชคดี ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ผมคงไม่ต้องไปเกณฑ์ทหารแล้ว เกณฑ์ทหารไม่ได้อะไรอยู่แล้ว ชีวิตเสียหายไป 2 ปี แทบจะเอาชีวิตไปทิ้งเลย ถ้ามันออกมาเป็นยังงั้น ผมก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดี ผมไม่รู้หรอก ว่ากระบวนการเป็นยังไง ก็แล้วแต่หน่วยงานราชการ เขาบอกให้ทำก็ทำ“ สำหรับกรณีที่มีข้อสงสัยว่าเป็นการเปลี่ยนชื่อ เพื่อหนีทหารนั้น ตนเปลี่ยนตั้งแต่ตอนเรียนอยู่ปีหนึ่ง เปลี่ยนทั้งบ้าน เพราะคุณแม่ไปดูดวงมา เรื่องการเกณฑ์ทหารเป็นเรื่องหลังเรียนจบ ตนเปลี่ยนชื่อก่อนหลายปีมาก ไม่เกี่ยวข้องกัน ส่วนในเอกสารราชการจะเปลี่ยนชื่อหรือยังนั้น ตนไม่ทราบ ส่วนที่มีการมาร้องเรียนกับคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหารนั้น ตนได้ทราบว่ารับเรื่องมาแล้ว ซึ่งเมื่อถึงเวลาลงมติ ตนคงไม่ออกความเห็น ให้ กมธ.คนอื่นพิจารณา ว่าจะนำเรื่องนี้เข้ามาพูดคุยหรือไม่ ส่วนตัว กมธ.มีหน้าที่ศึกษาพิจารณา แก้ไข สืบสวน ข้อพิพาท ที่ส่วนใหญ่เป็นเรื่องข้อพิพาทระหว่างประชาชนกับหน่วยงานรัฐ ที่เกี่ยวข้องกับกิจการทหาร โดยประชาชนที่มาร้องเรียนจะต้องเป็นผู้เสียหาย ที่มาเรียกร้องความยุติธรรม ความเป็นธรรม แต่เรื่องนี้ตนยังไม่ทราบ ว่าใครเป็นผู้เสียหาย และเขาได้รับความเดือดร้อนอะไร จากสิ่งที่มันเกิดขึ้น ตนยังไม่เข้าใจเหมือนกัน

 

ไม่มีคำอธิบาย

 

”ตนไม่ได้แปลกใจกับเรื่องนี้ เพราะการถูกทำลาย เป็นสิ่งที่ยืนยัน ว่าเรื่องราวที่ผมพูด และสิ่งที่กำลังทำ เป็นเรื่องที่ถูกทางแล้ว เป็นประโยชน์สาธารณะ ไม่ได้พูดเพื่อตัวเอง ถ้าทำแล้วสำเร็จ ก็เป็นประโยชน์ของคนทั้งประเทศ แต่เรื่องที่เขาทำเพื่ออะไร ใครได้ประโยชน์ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน” นายจิรัฏฐ์ กล่าว นายจิรัฏฐ์ กล่าวต่อว่า ไม่อยากให้สังคมเปลี่ยนประเด็น จากความผิดปกติในหน่วยงานทหารมาเป็นเรื่องนี้แทน เพราะเป็นการความพยายามในการบิดเบือนกระแสสังคมมากกว่า ส่วนจะมีการดำเนินคดีต่อผู้ร้องเรียนหรือไม่นั้น นายจิรัฏฐ์ กล่าวว่า คงไม่เสียเวลาทำอะไรแบบนั้น มองว่าเป็นกระบวนการดิสเครดิต มั่นใจว่าการพยายามทำลายไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่สามารถเปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ตนพูดเกี่ยวกับทหารได้

 

ไม่มีคำอธิบาย

 

 

ล่าสุดเพจเฟซบุ๊กวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรได้โพสต์ข้อความสรุปเหตการณ์สส.ลักแกงหนีทหารว่า ทุกคนคะ เรื่องทั้งหมดเป็นแบบนี้ค่ะ

1. ปี52-54 พี่ลักแกง ขอผ่อนผัน 3 ครั้ง เนื่องจากติดเรียน แต่เมื่อเรียนจบ หนีไม่มารายงานตัว จนถูกยื่นฟ้อง

2. ปี 55 พี่ลักแกง ขึ้นศาลรับสารภาพ โทษจำคุกรอลงอาญา และต้องไปยื่นเอกสารแสดงตนรับราชการทหาร แต่กับหลบเลี่ยงไม่ยื่น

3. ปี 56-60 พี่ลักแกงหนีหาย ไม่ไปแสดงตนรับราชการทหารและอำเภอบางประกงส่งหมายเรียกไปแต่ไม่มีการตอบรับ

4. ปี 61 พี่ลักแกง อายุเกิน 30 ปี ได้เดินทางไปยื่นเอกสารตามระเบียบกองทัพ คือไม่ต้องเกณ์ทหารแล้ว ขึ้นบัญชีเป็นทหารกองเกิน (อาศัยช่องว่างตรงนี้)

ดังนั้น ใบ สด.43 พี่ลักแกงเอามาจากไหนต้องเรียกดูเอกสารต้นขั้วว่าเป็นฉบับจริงหรือไม่ หากปลอมแปลงเอกสารต้องถูกดำเนินคดี

 

 

 

อีกทั้งเพจเฟซบุ๊กวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ยังเปิดเผยข้อมูลการตรวจเลือกทหารกองเกินอีกว่า

● เมื่อ 20 พ.ย. 49 แสดงตนลงบัญชีทหารกองเกิน (สด.9) ตาม ม.18 แห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2497

● ปี 51 รับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (สด.35)

● ปี 52 – 54 มีรายชื่อในบัญชีเรียกฯ (สด.16) แต่เป็นประเภทคนผ่อนผันตาม ม.29 (3) แห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหารพ.ศ. 2497 เนื่องจากกำลังศึกษาอยู่ ม.บูรพาฯ และได้มาแสดงตนในวันตรวจเลือกตามปกติ

● ปี 55 ไม่มาแสดงตนเข้ารับการตรวจเลือกตามหมายเรียก (สด.35) บัญชีเรียกฯ ประเภทคนผ่อนผันบันทึก “ขาด” จึงส่งดำเนินคดีตาม ม.27 มีโทษตาม ม.54 แห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2497 ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรามีคำพิพากษาเมื่อ 30 ส.ค.55 จำเลยรับสารภาพ ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 1 เดือน แต่รอลงอาญามีกำหนด 1 ปี ตามคดีดำที่ 3162/55 คดีแดง 3132/55

● ปี 56 – 60 หลังคดีถึงที่สุด เจ้าตัวไม่ได้ไปแสดงตนขอรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (สด.35) และอำเภอบางปะกงส่งหมายเรียกไม่ได้

● ปี 58 – 60 ยกรายชื่อจากบัญชีคนผ่อนผันไปไว้ในบัญชีคนที่ขาดการตรวจเลือก เนื่องจากหมดเหตุผ่อนผันตาม ม.29 (3) แห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2497 มีอายุ 27 ปี (เมื่อปี 58) หมดเหตุผ่อนผัน เจ้าตัวไม่ได้มาแจ้งพ้นจากฐานะยกเว้นผ่อนผัน มีความผิดตาม ม. 15 และมีโทษตาม ม.43 แห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2497 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 200 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.95 (5) ซึ่งคดีขาดอายุความแล้ว และหากเจ้าตัวมาแสดงตนเข้ารับการตรวจเลือกในห้วง ปี 58 – 60 ก็ให้ส่งเข้ารับราชการทหารกองประจำการโดยไม่ให้จับสลาก ในฐานะคนหลีกเลี่ยงขัดขืน ตามที่ศาลมีคำพิพากษา ตาม ม.33 แห่ง พ.ร.บ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2497

● ปี 61 เป็นผู้ที่ไม่อยู่ในกำหนดเรียกเข้ารับราชการทหารกองประจำการเนื่องจากมีอายุ 30 ปี ซึ่งปลดเป็นทหารกองหนุนประเภทที่ 2 ชั้นที่ 2 ตาม ม.39 แห่ง พรบ.รับราชการทหาร พ.ศ. 2497

 

 

 

 

ขณะที่โลกออนไลน์ยังได้มีการเปรียบเทียบใบสด.43 ที่นายจิรัฏฐ์ นำมาโชว์เพื่อยืนยันว่าตัวเองผ่านการเกณฑ์ทหารแล้ว แต่อย่างไรก็ตามปรากฏว่าใบสด.43 ที่นายจิรัฏฐ์นำมาโชว์ กลับไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ และไม่มีการลงชื่อเจ้าพนักงาน เหมือนกับใบสด.13ปกติ ที่จะต้องมีการพิมพ์ลายนิ้วมือ และมีการลงชื่อเจ้าพนักงาน 5 รายชื่อ ซึ่งจะเริ่มจากกรรมการคนที่1 ซึ่งเป็นผู้ทำการตรวจเช็คร่างกาย จากนั้นกรรมการคนที่ 2คือผู้พิมพ์ลายนิ้วมือ ต่อด้วยกรรมการคนที่ 3 คือผู้ตรวจสุขภาพ กรรมการคนที่ 4 สัสดี และกรรมการที่ลงนามคนสุดท้ายได้แก่ เป็นประธานกรรมการตรวจเลือกทหารประจำหน่วย อีกทั้งใบสด.43 จะต้องมีต้นขั้ว และมีลายเซ็นของกรรมการทั้ง 5 คนเซ็นต์ด้วย ซึ่งประเด็นนี้ นายจิรัฏฐ์ ได้อ้างว่าตนก็ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมถึงไม่มี เขาไม่ได้ให้ปั๊ม แต่ที่ตรวจสอบกับหลายคนก็ไม่มี

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

อิหร่านเตือนอาจขยายโครงการนิวเคลียร์
โป๊ปเรียกร้องสอบอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ชาวบ้านสุดทน ยื่นหนังสือต่อ สว.สุรินทร์ จี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหากองดิน 2 แสนคิวที่ขุดลอกกองไว้ ทับถมที่นาชาวบ้านเสียหาย ออกไปทำประโยชน์
NGO มาเลเซียรณรงค์ปล่อยตัวสตรีข้ามเพศชาวไทย
ผู้นำสหรัฐฯ-จีนเห็นพ้องให้คนคุมนิวเคลียร์ ไม่ใช่ AI
ย้อนพฤติกรรม “เจ๊พัช” รีดเงินบอส “ดิ ไอคอน” จนนำมาสู่การออกหมายจับ 2 ข้อหาหนัก
ชาวนาชัยภูมิระทม เกิดฝนหลงฤดูถล่มข้าวเปลือกตากไว้เปียกน้ำเสียหาย เกษตรกรชาวนาที่เกี่ยวข้าว ต้องหาที่ตากให้แห้งก่อนข้าวจะแตกหน่อ
ผู้ต้องหา ฆ่าตัดนิ้ว "แม่ยายอัยการ" เปิดปากรับสารภาพ ด้านตร.ไม่ปักใจเชื่อ เตรียมทำแผนวันนี้
ทนายบอสพอล เตรียมเข้าแจ้งความ “เจ๊พัช-ฟิล์ม รัฐภูมิ” ปมเรียกเงิน 20 ล้าน ภายในสัปดาห์นี้
สุดปัง “สับปะรดห้วยมุ่น” ผลไม้ไทยรายการแรก ขึ้นทะเบียน GI ญี่ปุ่น

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น