สำนักข่าวเกียวโดและเดอะ เจแปนไทม์ส (The Japan Times) รายงานโดยอ้างแถลงการณ์ของนายโคตาโระ นางาซากิ ผู้ว่าการจังหวัดยามานิชิเมื่อวานนี้ (พฤหัสบดีที่ 1 กพ.) เปิดเผยว่านับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2567 เป็นต้นไป ญี่ปุ่นจะเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นภูเขาไฟฟูจิเป็นจำนวน 2 พันเยนหรือราว 480 บาท โดยเจ้าหน้าที่จะตั้งจุดเก็บค่าเข้าที่สถานีชั้นที่ 5 เป็นต้นไป
แถลงการณ์ระบุว่าจุดประสงค์ของการเก็บค่าธรรมเนียมเพื่อเป็นการควบคุมจำนวนนักปืนเขาที่มีมากเกินไปนับตั้งแต่ญี่ปุ่นเปิดประเทศหลังช่วงโควิด โดยเฉพาะเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวเร่งปีนเขาเพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้นบนยอดเขาแบบไม่มีการพักค้างคืนระหว่างทาง หรือที่เรียกว่า “บูลเล็ต ไคลป์มิ่ง” (Bullet Climbing) ซึ่งถือเป็นเรื่องอันตราย หลังจากปีที่แล้วพบนักท่องเที่ยวหลายคนมีอาการอุณหภูมิร่างกายลดต่ำ ขณะเร่งปืนเขาในช่วงกลางคืนเพื่อไปให้ทันดูพระอาทิตย์ขึ้น ทำให้ต้องหามลงมารักษาตัวที่ด้านล่าง นอกจากเงินค่าธรรมเนียมบางส่วนก็จะใช้เป็นกองทุนสำหรับการรักษาความปลอดภัยโดยรอบภูเขาไฟฟูจิ รวมทั้งการสร้างศูนย์หลบภัยในกรณีที่เกิดภัยพิบัติ เช่นภูเขาไฟปะทุ
ทั้งนี้ ค่าธรรมเนียมส่วนนี้ไม่เกี่ยวกับค่าบำรุงรักษาจำนวน 1 พันเยนหรือราว 240 บาทที่ขอรับบริจาคจากนักปีนเขาแบบสมัครใจในฐานะที่เม้าท์ฟูจิเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่สำคัญ ที่ได้รับการรับรองโดยยูเนสโก
ภูเขาไฟฟูจิเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมและปีนเขาในช่วงฤดูร้อน ระหว่างเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน ซึ่งช่วงเวลานี้ถือเป็นช่วงพีคและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยปีที่แล้วมีมากกว่า 2 แสน 2 หมื่นคน เทียบเท่ากับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนโควิด