“อธิบดีราชทัณฑ์” แจง “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์พักโทษ ไม่ยันมีชื่อปล่อยก.พ.นี้

"อธิบดีราชทัณฑ์" แจง "ทักษิณ" เข้าเกณฑ์พักโทษ ไม่ยันมีชื่อปล่อยก.พ.นี้

“อธิบดีราชทัณฑ์” แจง “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์พักโทษ ไม่ยันมีชื่อปล่อยก.พ.นี้

ข่าวที่น่าสนใจ

"อธิบดีราชทัณฑ์" แจง "ทักษิณ" เข้าเกณฑ์พักโทษ ไม่ยันมีชื่อปล่อยก.พ.นี้
“อธิบดีราชทัณฑ์” แจง “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์พักโทษ ไม่ยันมีชื่อปล่อยก.พ.นี้

7 ก.พ.2567 นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากนายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการ​เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร​ ว่าภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปอท. และพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการสูงสุด ได้มีหนังสือแจ้งการขออายัดตัวนายทักษิณ เนื่องจากคดีคงค้างเดิม ซึ่งตนได้รับการยืนยันจาก ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ว่าได้ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำนายทักษิณเรียบร้อยแล้วเมื่อช่วงกลางเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา

 

 

นายสหการณ์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่มีหนังสือตอบกลับจากตำรวจ ปอท. ไปยังผู้ร้องเมื่อวันที่ 18 ต.ค.66 นั้น อาจจะเพราะว่าในตอนนั้นพนักงานอัยการยังไม่ได้รับการประสานจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อย่างไรก็ตาม การดำเนินคดีระหว่างการอายัดตัวผู้ต้องขังทาง ผบ.เรือนจำฯ จะไม่ได้มีการรายงานมาที่กรมราชทัณฑ์ เพราะเป็นอำนาจหน้าที่ของตำรวจและอัยการเจ้าของคดีในการสอบสวนปากคำ อีกทั้งหนังสือขออายัดตัวผู้ต้องขังถือเป็นเรื่องปกติเป็นเรื่องของข้อตกลงระหว่างตำรวจและกรมราชทัณฑ์

 

"อธิบดีราชทัณฑ์" แจง "ทักษิณ" เข้าเกณฑ์พักโทษ ไม่ยันมีชื่อปล่อยก.พ.นี้
“อธิบดีราชทัณฑ์” แจง “ทักษิณ” เข้าเกณฑ์พักโทษ ไม่ยันมีชื่อปล่อยก.พ.นี้

 

นายสหการณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ต้องหาที่ถูกศาลมีคำพิพากษาตัดสินคดีไปเรียบร้อยแล้ว และถ้าในระหว่างนั้นยังมีการพิจารณาในคดีอื่น ทางตำรวจก็จะแจ้งการอายัดขอตัวผู้ต้องหาไปที่เรือนจำฯ เพื่อให้เรือนจำฯ รู้ว่าถ้าครบวันจะปล่อยตัวผู้ต้องหาหรือได้รับการพักโทษ เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องรู้ก่อน ซึ่งทางเรือนจำฯ จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้รับทราบ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ไปรับตัวผู้ต้องหานำส่งฟ้องต่อพนักงานอัยการในคดีที่ขออายัดตัว ส่วนหากจะมีการขอประกันตัวใดๆ ก็เป็นไปตามกระบวนการ

 

 

ผู้สื่อข่าวถามถึงความคืบหน้าเรื่องพิจารณารายชื่อผู้ต้องขังที่ผ่านเกณฑ์โครงการพักการลงโทษทั้งในกรณีปกติและกรณีมีเหตุพิเศษ นายสหการณ์ กล่าวว่า เรื่องรายชื่อผู้ต้องขังทั่วประเทศที่เข้าเกณฑ์จะได้รับการพักการลงโทษไม่ว่ากรณีปกติ หรือกรณีมีเหตุพิเศษ ทราบว่าได้มีการประชุมไปเรียบร้อยแล้วเมื่อปลายเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้รับจำนวนรายชื่อผู้ต้องขังหลายพันราย จากทั้งหมด 143 เรือนจำทั่วประเทศ ขณะนี้รายชื่อทั้งหมดอยู่ในชั้นของกรมราชทัณฑ์ เพื่อเตรียมเสนอไปยังคณะกรรมการพิจารณาพักการลงโทษ จากนั้นจึงจะนำเสนอไปยังชั้นรัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​ยุติธรรม ซึ่งแต่ละขั้นตอนค่อนข้างมีความละเอียด เพราะต้องพิจารณาจากคุณสมบัติของผู้ต้องขังให้ได้รับสิทธิประโยชน์ตามที่ควรได้รับ

 

 

นายสหการ​ณ์ กล่าวเพิ่มเติม​ว่า ตนยังไม่สามารถให้คำยืนยันได้ว่ารายชื่อของนายทักษิณ อยู่ในเกณฑ์ผ่านเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษหรือไม่ เนื่องจากยังต้องรอให้ผ่านกระบวนการของคณะกรรมการฯ แต่หากพูดตามหลักการ อดีตนายกรัฐมนตรีถือเป็นผู้ต้องขังสูงวัย มีอาการเจ็บป่วย และรับโทษมาแล้ว 1 ใน 3 แต่อย่างไรคณะกรรมการฯ ก็จะต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน และถ้ารายชื่อได้รับการรับทราบในชั้นกระทรวงยุติธรรม ก็จะต้องมีการแจ้งไปยังตำรวจ ปอท. เพื่อให้ดำเนินการเข้าอายัดตัวผู้ต้องหาในสถานที่คุมขังได้

 

 

เมื่อถามว่ารายชื่อของผู้ต้องขังทั้งหมดที่จะได้รับสิทธิพักโทษ ทางกรมราชทัณฑ์จะดำเนินการตรวจสอบแล้วเสร็จและส่งไปยังคณะกรรมการพักการลงโทษเพื่อพิจารณา จะเสร็จสิ้นทันภายในสิ้นเดือน ก.พ.นี้หรือไม่ นายสหการณ์ กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่น่าจะใช้เวลานานมากเพราะจะต้องคำนึงถึงสิทธิประโยชน์ของผู้ต้องขังที่ควรได้รับ ซึ่งหากครบกำหนดโทษในวันใดก็ควรได้รับการปล่อยตัวในวันถัดไปจากวันครบกำหนดคุมขัง ส่วนกรณีที่แวดวงทางการเมืองมีการวิเคราะห์ว่าวันที่ 18 ก.พ. หรือวันที่ 22 ก.พ. จะเป็นวันที่อดีตนายกรัฐมนตรีจะได้รับการปล่อยตัวเพราะผ่านเข้าโครงการพักโทษนั้น โดยปกติแล้ว เรือนจำและทัณฑสถาน จะมีการพิจารณาล่วงหน้าก่อนที่จะเข้าโครงการพักการลงโทษได้ถึง 3 เดือน เพราะเราต้องการให้ผู้ต้องขังไม่เสียประโยชน์ในการที่เขาจะได้พักโทษ และพอครบเวลาคุมขังแล้ว วันถัดไปก็สามารถปล่อยตัวเข้าสู่กระบวนการพักการลงโทษโดยกรมคุมประพฤติจะต้องรับไปดูแลต่อ

 

 

ส่วนเรื่องการติดกำไล EM ผู้ต้องขังระหว่างพักโทษ ตนทราบว่ากรมคุมประพฤติจะมีข้อปฏิบัติหลายประเด็นที่จะต้องประเมิน เช่น ถ้าผู้ต้องขังเจ็บป่วยร้ายแรง และดูแล้วไม่อยู่ในภาวะที่จะไปก่อความผิด หรือเป็นผู้สูงอายุ ที่ดูแล้วไม่สามารถไปสร้างปัญหาได้ ก็อาจเป็นข้อยกเว้นไม่ให้มีการติดกำไล EM แต่ในเรื่องการกำหนดรัศมีการเดินทางของผู้ต้องขัง กรมคุมประพฤติ จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนใด และแน่นอนว่าผู้ต้องขังจะไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ในช่วงระหว่างการพักโทษ

 

ส่วนในเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัด กรมคุมประพฤติก็จะเป็นผู้กำหนด โดยต้องควบคุมไม่ให้เกิดปัญหา และต้องกำหนดสิ่งที่ผู้ต้องขังต้องปฏิบัติ ส่วนถ้าหากผู้ต้องขังจะไปออกรายการใด ๆ ก็ขึ้นอยู่กับว่าสิ่งนั้นจะทำให้เกิดผลกระทบอะไรหรือไม่ กรมคุมประพฤติต้องไปประเมิน แต่ผู้ต้องขังจะต้องขออนุญาตก่อน เพราะแม้ได้รับการพักโทษ ก็ยังเป็นผู้ต้องขังตามคำพิพากษาของศาล และห้วงเวลาเสร็จสิ้นการพักโทษก็ให้นับไปจนถึงวันที่ผู้ต้องขังจะพ้นโทษ เช่น อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค.66 จากนั้นได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ 1 ปี และได้รับการคุมขังมาแล้ว 6 เดือน ที่เหลือหลังจากนี้ก็จะเป็นระยะเวลาที่ต้องใช้คำนวณในการพักโทษที่เหลือ

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

โซเชียลวิจารณ์เพียบ สส.พรรคส้มยื่นร่างกม.แรงงาน เพิ่มสิทธิอื้อ ขึ้นค่าจ้าง ทำงานไม่เกิน 8 ชม.
ปธ.กกต.ลงนามตั้งผู้ตรวจการเลือกตั้ง 415 คน ดูแลศึกเลือก อบจ.
“พิชัย” นำพณ.จับมือเอกชน ลุยการค้าเชิงรุก ตั้งเป้าส่งออกปี 68 ทะลุ 10 ล้านล้านบาท
“อนุทิน” นำทีมมท.ลงพื้นที่สุราษฏร์ธานี ลั่น “ประชาชนทุกข์ ผมก็ทุกข์” เร่งจ่ายเยียวยาน้ำท่วมให้เร็วที่สุด
เพลิงไหม้ ! กองยางเศษโฟมพลาสติก จนท. เร่งอพยพประชาชนและนักเรียนไปอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย
ตร.เผยสาเหตุ ไฟลุกท่วม บึ้ม"โรงหลอมเหล็ก" ระยอง ทำคนงานบาดเจ็บเพียบ
“อัจฉริยะ” หอบหลักฐาน แฉอดีตนักการเมืองท้องถิ่นลงขัน 30 ล้าน สังหาร "สจ.โต้ง"
"บิ๊กโตโยต้าญี่ปุ่น" พบ "นายกฯ" ยืนหยัดร่วมกับไทย หนุนอุตฯยานยนต์รูปแบบใหม่
ตามคาด “ธรรมนัส“ ยกก๊วน 20 สส.ย้ายซบ “พรรคกล้าธรรม”แล้ว เพิ่มจำนวนสส.ในสภาฯเป็น 24 คน
ชาวเน็ต จี้ ฟังเสียงผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ากว่า 1 ล้านคน เอาบุหรี่ไฟฟ้าขึ้นบนดินแทนการแบน

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น