นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความระบุว่า #ลุงตู่อยู่ต่อแต่ต้องปรับกระบวนยุทธ
4 กันยานายกลุงตู่ฝ่าด่านขบวนการคว่ำเรือสำเร็จ ผ่านการลงมติไม่ไว้วางใจมาได้แล้ว แม้จะถูกฝากแผลทางการเมืองด้วยการได้คะแนนที่ไม่ไว้วางใจ สูงมากอันดับ1กว่ารมตทุกคนด้วยความตั้งใจของฝ่ายตรงข้ามว่า
“แม้โค่นลงไม่ได้ ก็ขอฝากรอยไว้บ้าง”เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมืองครับ#นักรบย่อมมีบาดแผล
#สิ่งที่นายกลุงตู่จำเป็นต้องเร่งปรับกระบวนยุทธ์ในสนามจริงทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญยิ่งกว่า เพราะรายละเอียดของสสที่ลงคะแนนไว้วางใจและไม่ไว้วางใจเฉพาะนายกรัฐมนตรี หากนำไปเปรียบเทียบกับรมต คนอื่น
จะเห็นรายชื่อระหว่างบรรทัดในหลายประเด็นน่าสนใจครับ
1) สสพรรคเล็กที่ร่วมรัฐบาลอย่างน้อย3คนไปโหวตร่วมกับฝ่ายค้าน อาทิ นาย ดำรงค์ พิเดช จากพรรครักษ์ผืนป่า นายสุรทิน พิจารณ์ปรีชา จากพรรคประชาธิปไตยใหม่ นายพีระวิทย์เรื่องลือดลภาค จากพรรคไทยรักธรรม ทั้งที่3คนนี้โหวตให้ความเห็นชอบรมตที่เหลือ
2) สส งูเห่าเพื่อไทยที่เคยโหวตสวนมติพรรคฝ่ายค้านทุกครั้งคราวนี้โหวตไม่ไว้วางใจ พลเอกประยุทธ ทั้งๆที่งดออกเสียงให้กับรมตคนอื่น
คือนางพรพิมล ธรรมสาร และนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ
3)สส พรรคเศรษฐกิจใหม่ ที่แยกเป็น2กลุ่มคือฝ่ายเคยหนุนรัฐบาลไปร่วมโหวตไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธด้วยคือ นายนิยมวิวรรธนดิฐกุล
4)สส พรรคเพื่อชาติ 4คน ที่ลงมติไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ ทั้งๆที่งดออกเสียงให้กับรมตคนอื่น
5)สส พรรคปชป 1คน อย่าง อันวาร์ ซาและคงลงมติไม่ไว้วางใจขณะที่พนิษฐ์ วิกฤติเศรษฐ์ ใช้วิธีงดออกเสียงแทน
ทำให้คะแนนของพลเอกประยุทธ ถูกไม่ไว้วางใจสูงสุดกว่ารมตคนอื่นๆ
จะด้วยเหตุความไม่เข้าไปช่วยบริหารจัดการคะแนนพรรคเล็กหรือสสงูเห่าจากพรรคฝ่ายค้านหรือไม่
คงต้องติดตามในรายละเอียดต่อไป
แต่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ในทางการเมืองแบบไทยๆภายใต้วงจรแบบเดิมๆทางการเมือง
สิ่งสำคัญกว่านับจากนี้คือ พลเอกประยุทธ จะได้นำประสพการณ์ตรงจากบททดสอบครั้งสำคัญนี้มาศึกษาไตร่ตรอง
และเร่งปรับกระบวนยุทธทางการเมืองอย่างแท้จริงทั้งเรื่อง
1)การแก้ไขรัฐธรรมนูญจากบัตรใบเดียวเป็นบัตร2ใบ ได้ประโยชน์จริงหรือไม่ หรือจะทำให้พรรคร่วมเกิดปัญหาหรือไม่
2)การปรับคณะรัฐมนตรีให้ได้คนดีคนเก่งหรือเปลี่ยนรมตที่มีปัญหาในจังหวะโอกาสที่เหมาะสม
3)การเดินหน้าทางการเมืองทำงานในพื้นที่ร่วมกับสสในพรรคพปชร และพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายลงสู่การปฏิบัตร่วมกัน
4)การเร่งการปฏิรูปที่คั่งค้าง ทั้งการปฏิรูปการเมือง ปฏิรูปการศึกษา ปฏิรูปตำรวจ ปฎิรูปการทุจริตคอรัปชั่น ปฏิรูประบบข้าราชการและการปฏิรูปสื่อ ฯลฯ
นับจากวันนี้คืองานยากทางการเมืองที่มากขึ้นสำหรับนายกรัฐมนตรีที่ชื่อพลเอกประยุทธ จันทร์โอชา
ส่วนตัวยังเชื่อมั่นว่า ท่านจะทำได้สมดังที่ตั้งใจ
และก้าวตามรอยรัฐบุรุษพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรี
โดยมีพลังศรัทธาจากมหาประชาชนคอยสนับสนุนครับ
#นับจากนี้ไม่มีเวลาให้ประมาททางการเมือง