เต้นผางกันระนาวทันทีที่ “นายเศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เฉ่งแก๊งป่วน “ขบวนเสด็จฯ” ไม่ควรมีขบวนการชักใยอยู่เบื้องหลัง และยิ่งตอกย้ำเข้าไปอีกดอก เมื่อ “บิ๊กต่อ” หรือ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร.เด้งรับลูกพร้อมขู่ฟันคนบงการภายใน 2 วัน จะกระชากหน้ากากตัวการเสี้ยม “แก๊งทะลุวัง” ไปป่วนขบวนเสด็จฯ ใครกันแน่ปั่นหัวสาวก
ทำเอา “บิ๊กเนม” แห่งพรรคก้าวไกลนั่งไม่ติดก้น ไล่ตั้งแต่ “นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” อดีตแกนนำพรรคก้าวไกล ถึงกับปรี๊ดแตกใส่ “นายกฯ” ไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม โดยโพสต์ข้อความว่า ขอเตือนคุณเศรษฐาว่า ถ้ายังตั้งโจทย์ผิดแบบนี้ไม่มีทางแก้ปัญหาได้ตรงจุด ปัญหาการแสดงออกของเยาวชนไม่ได้เกิดจากใคร หรือพรรคการเมืองไหนจะสั่งได้ แต่คือ 1.รัฐเสแสร้งมองไม่เห็นว่ามีกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม การบังคับใช้ กฎหมายมีปัญหา และกระบวนการยุติธรรมถูกแทรกแซง 2.มีการคุกคามเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของพลเมืองอันเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานในการปกครองระบอบประชาธิปไตย และ 3.อำนาจอธิปไตยยังไม่เป็นของเจ้าของที่แท้จริงคือ “ปวงชนชาวไทย
ตามมาติด ๆ ด้วย “นายรังสิมันต์ โรม” แกนนำพรรคก้าวไกล ถึงกับกล่าวว่า การมีผู้อยู่เบื้องหลังกลุ่มต่างๆ ฝ่ายการเมืองไม่ใช่เรื่องใหม่ เกิดขึ้นแล้วหลายครั้ง การเกิดเหตุแบบนี้ไม่ได้แก้ปัญหาสังคมหรือปัญหาการเมือง หลายครั้งพรรคก้าวไกลถูกปรักปรำ แต่อะไรคือหลักฐานว่าอยู่เบื้องหลัง
นอกจากนี้ ที่ผ่านมาพรรคก้าวไกล อยู่ท่ามกลางวิกฤตทางการเมือง ในอดีตไปเป็นนายประกันให้ แต่ต้องแยกออกจากการขับเคลื่อนทางการเมืองและกฏหมาย การประกันตัวคือการให้สิทธิต่อสู้ทางคดี หลายคนพยายามเชื่อมโยงพรรคก้าวไกลกับกลุ่มต่างๆ คงมีเหตุผล 2 ประการ คือ 1.กลุ่มคนไม่เห็นด้วยกับการเคลื่อนไหวของกลุ่มทะลุวัง ที่ต้องการดิสเครดิตกลุ่มดังกล่าว และ 2.ต้องการทำลายพรรคก้าวไกล ดังนั้น การพุ่งเป้าไปที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้น
ขณะที่ “น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว” เคยเป็นแกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า “กลุ่มราษฎร” และผู้ต้องหาคดี 112 โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ก ปกป้อง “ตะวัน” เช่นกัน บางตอนของข้อความระบุว่า อย่าด่วนสรุป หรือชี้ถูกชี้ผิด ต่อวิธีการเคลื่อนไหวและการแสดงออกในประเด็นสาธารณะของประชาชนว่ามีลักษณะขาดวุฒิภาวะ ไม่เหมาะสม ไม่น่าพึงพอใจอย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น การจะแสดงความคิดเห็นว่าการกระทำใดอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายใดนั้น ต้องสามารถพิสูจน์อ้างอิงให้ได้ก่อนว่าการกระทำนั้นอาจผิดกฎหมายฉบับใดและผิดอย่างไรตามหลักองค์ประกอบของกฎหมาย
“พรรคก้าวไกล” จะอยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น ต้องรอการพิสูจน์ทางกฎหมาย แต่ถ้าในสายตา “นายเทพมนตรี ลิมปพยอม” คู่กัด “ปิยบุตร แสงกนกกุล” ผู้นำจิตวิญญาณแห่งพรรคก้าวไกลและคณะก้าวหน้า ทั้งคู่มีคดีฟ้องหมิ่นฯ มาตรา 112 กันอยู่ “นายเทพมนตรี” ได้ชำแหละพฤติกรรมสาวกของผู้นำจิตวิญญาณที่กระทำต่อ “กรมสมเด็จพระเทพฯ” บนเฟสบุ๊ก ระบุข้อความว่า เป็นพวกอ้างรัฐธรรมนูญในสิทธิเสรีภาพ โดยไม่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง สำนึกรับผิดชอบต่อส่วนรวม หรือ หน้าที่ความเป็นพลเมือง ดังนั้นการป่วนขบวนเสด็จฯ จึงไม่ใช่การใช้แต่สิทธิเสรีภาพ เพราะการจะด่าพ่อแม่ใครก็อ้างสิทธิ์ และ จะเกะกะระรานใครก็อ้างสิทธิ์ พร้อมกับฟันธงไปเลยว่า คนที่อยู่เบื้องหลังมีเค้าลางอยู่หนึ่งคน ให้เห็น คือ คนที่พูดสนับสนุน เขียนจดหมาย เคยเป็นนายประกัน พูดเอาใจ และ ช่วยติดสติกเกอร์ยกเลิก 112 ให้กับ “กลุ่มทะลุวัง” นั้นคือ ตัวการสำคัญที่ยุยงแน่ๆ คำใบ้เช่นนี้ ทำ “พิธา” พ่อทูนหัว “ตะวัน ทะลุวัง” ได้ยินคงสะดุ้งโหยง
#ป่วนขบวนเสด็จฯ #ก้าวไกล #อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล #รังสิมันต์ โรม #ชลธิชา แจ้งเร็ว