นับเป็นข้อเขียนที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อ “นายสุทิน วรรณบวร” ผู้สื่อข่าวอาวุโส เผยแพร่บทความวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมือง หัวข้อ “อาการดิ้นพล่านของติ่งพรรคการเมือง” ลงในแนวหน้าออนไลน์ มีเนื้อหา ดังนี้
การเคลื่อนไหวของสมุนบริวารพรรคการเมืองที่ดิ้นพล่านอยู่ทุกวันนี้ เป็นการดิ้นรนแบบจนตรอกที่ไม่มีอะไรจะเสียมากกว่านี้ จึงได้ดิ้นพล่านแสดงอาการคุกคามสถาบันฯด้วยความหวังว่าฝรั่งมังฆ้องต้องยื่นมือมาช่วย
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยนายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ และพรรคก้าวไกล ใช้นโยบายหาเสียงแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ไม่เป็นตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ ตลอดถึงเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มรณรงค์ยกเลิกมาตรา 112 และประกันตัวจำเลย/ผู้ต้องหาถูกดำเนินคดีอาญามาตรา 112 ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า“พรรคก้าวไกลแก้ไขมาตรา 112 ไม่เป็นตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญที่ย้าย กฎหมายปกป้องสถาบันกษัตริย์ออกจากหมวดความมั่นคง ลดสถานะกษัตริย์ ลงมาเท่ากับประชาชนทั่วไป เป็นการกัดกร่อน บ่อนแซะ ล้มล้างสถาบัน.. ฯลฯ
พรรคก้าวไกลรู้ว่าคำวินิจฉัยของศาลฯเหมือนการเปิดทางให้ยุบก้าวไกล และอาจทำให้สส.ที่ร่วมลงชื่อแก้ มาตรา 112 จำนวน 44 คน ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปด้วย
นายธวัชชัย ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกลแถลงข่าวว่า คำวินิจฉัยศาลฯกระทบกระเทือนเสรีภาพประชาชน และพรรคการเมือง คำวินิจฉัยของศาลเป็นการก้าวล่วงอำนาจนิติบัญญัติ ด้านกลุ่มทะลุวังนำโดย น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ ซึ่งเป็นเครือข่ายพรรคก้าวไกลตอบโต้ศาลฯด้วยการแสดงละครเยาะเย้ยถากถางเรียกร้องให้ประหารชีวิตพวกนางอ้างว่าได้ทำผิดมหันต์ต่อประเทศไทย
แต่การแสดงละครของนักกวนเมือง ไม่มีใครสนใจ สมุนก้าวไกลเลยคิดการใหญ่ขับรถบีบแตรไล่ขบวนเสด็จ 195 ตัวป่วนพรรคก้าวไกล รู้อยู่เต็มอกว่าพระราชวงศ์ชั้นสูงพระองค์นี้ เป็นที่รักเคารพศรัทธาของผู้จงรักภักดีทั่วประเทศไทย การจาบจ้วงล่วงละเมิดกักขฬะหยาบช้าต่อพระองค์ท่าน ต้องได้รับการตอบโต้จากสังคมไทย เรียกได้ว่างานนี้สมุนบริวารก้าวไกลปฏิบัติการหมาจนตรอกให้สังคมไทยตอบโต้รุนแรงเพื่อให้ก้าวไกลและคุณพ่ออเมริกาลงมาเล่นเต็มตัว
และความรุนแรงที่สมุนก้าวไกลวางแผนไว้เกิดขึ้นจนได้ เมื่อกลุ่มทะลุวังจัดกิจกรรมอ้างว่าทำโพลล์เรื่องขบวนเสด็จฯบริเวณทางเชื่อมรถไฟฟ้าสถานีสยาม ขณะเดียวกัน ผู้ชุมนุมกลุ่มศูนย์รวมประชาชนปกป้องสถาบัน (ศปปส.)ได้นัดรวมกลุ่มจัดกิจกรรมบริเวณใกล้กัน ระหว่างจัดกิจกรรม เกิดการกระทบกระทั่งกันของทั้ง 2 กลุ่มเป็นเวลากว่า 20 นาที โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กำลังแยกทั้งสองฝ่ายออกจากกัน กลุ่มทะลุวังคงเสียดายที่ความรุนแรงไม่บานปลายออกไปมากกว่านี้
พรรคก้าวไกลเองก็เสียดายที่การยั่วยุของสมุนบริวาร ไม่ทำให้เหตุการณ์บานปลายกลายเป็นจลาจลตามที่หวังไว้ว่า ต่างชาติ จะเข้ามาแทรกแซง หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายชัยธวัช ตุลาธน จึงได้แต่พูดว่า “อย่าล่าแม่มด” ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ที่ประกันตัว น.ส.ทานตะวันและแบม ออกจากคุก แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ศาลสั่งไม่ให้เคลื่อนไหวต่อต้านสถาบัน นายพิธา กล่าวว่า “ต้องแยกสิทธิการประกันตัว ทุกคนมีสิทธิที่จะถูกสันนิษฐานว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ส่วนการอารักขาบุคคลสำคัญของประเทศก็เป็นอีกเรื่อง แต่การแสดงออกก็เป็นอีกเรื่องเช่นกัน อย่าไปผูกรวม จะทำให้การแก้สถานการณ์ไม่ได้ และแตกแยก ไม่เป็นผลดีต่อสังคม
คำพูดในลักษณะให้ท้ายกลุ่มทะลุวังของนายพิธาและนายธวัชชัย ทำให้แนวร่วมเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า แนวรวมเพจ วันนี้ก้าวไกลโกหกอะไร ขอประณามการกระทำของกลุ่มทะลุวัง กลุ่มทะลุแก๊ส ซึ่งเป็นแนวร่วมพรรคก้าวไกลดังนี้
กลุ่มทะลุวัง กลุ่มทะลุแก๊ส ที่เป็นแนวร่วมของพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองที่สอดรับกัน มีพฤติกรรมปลุกปั่น เพื่อหลอกใช้ เด็กและเยาวชนให้กระทำการหยาบช้า จาบจ้วงล่วงละเมิด บ่อนทำลายและขยายไปสู่การใช้ความรุนแรงทั้งทางความคิด การสื่อสารและการคุกคามสถาบันฯและคนเห็นต่างโดยมุ่งหมายให้คนไทยแตกแยกแตกความสามัคคีกัน เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า หลายปีนี้นับตั้งแต่มีพรรคก้าวไกลมีการเคลื่อนไหวที่มีเป้าหมายเพื่อเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันฯ อันเป็นที่รักและเทิดทูนยิ่งของคนไทย
โดยมีหลักฐานว่า มีการสนับสนุนจากพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ สัมพันธ์กันอย่างแยกไม่ออกทั้งการแสดงจุดยืนเชิงอุดมการณ์ เชิงสัญลักษณ์ ประเด็นที่เคลื่อนไหว ทั้งการจัดการชุมนุม การขยายผลประสานกันทั้งในและนอกสภา ไม่ว่าจะเป็น นายประกัน การปราศรัยหาเสียง การพยายามยกเลิกกฎหมายคุ้มครองประมุขรัฐ ลดทอนและแยกส่วนสถานภาพจากความมั่นคงแห่งรัฐ ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ โดยการมีพฤติกรรมคุกคามต่อสถาบันพระมหากษัตริย์และสมาชิกราชวงศ์อย่างต่อเนื่องซ้ำๆ หลายต่อหลายครั้งด้วยความก้าวร้าวรุนแรงยิ่งขึ้น อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง และไม่สนใจความรู้สึกของคนไทยที่รักและเทิดทูนสถาบัน และไม่เคารพคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเท่ากับไม่เคารพรัฐธรรมนูญนั้นย่อมเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขด้วย
โดยพฤติกรรมต่างๆ ดังกล่าวนั้น หากเป็นประโยชน์ ก็จะมีนักการเมืองของพรรคก้าวไกลแสดงออกเพื่อปกป้องพฤติกรรมเลวร้ายผิดกฎหมายซ้ำๆ แต่หากเสียประโยชน์ก็จะถูกตัดหางเสมือนสุนัขขี้เรื้อน ไร้การเหลียวแล เหมือนแกนนำคนก่อนๆ ที่เคยเป็นเหยื่อของพรรคนี้ โดยทุกๆการกระทำดังกล่าว นับตั้งแต่มีพรรคก้าวไกล เด็กและเยาวชนถูกหลอกใช้ให้ทำตามความมุ่งหมายของลัทธิคลั่งเสรีก้าวร้าวสุดโต่งทำให้คนไทยแตกแยก เกิดความวุ่นวาย เสมือนหนึ่งรับงาน รับเงินของศัตรูเพื่อมาทำร้ายและเป็นภัยคุกคามประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง
แน่นอนสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางแนวร่วมฯมิได้สนับสนุนการใช้ความรุนแรงในทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม เพียงแต่อยากส่งสารนี้ ให้พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ได้ร่วมทบทวนถึงพฤติกรรมของกลุ่มฯดังกล่าวที่สนับสนุนโดยพรรคก้าวไกล ที่มีการกระทำที่เสมือนการยั่วยุ ไร้สำนึก และเกินเลยขอบเขตในการใช้สิทธิเสรีภาพไปคุกคามขบวนเสด็จก่อนหรือไม่ และยังจะเคลื่อนไหวดำเนินการซ้ำเติมสถานการณ์ให้เลวร้ายบานปลายอย่างที่สังคมยากจะยอมรับและอดทนได้อีก โดยขบวนการเคลื่อนไหวดังกล่าวคือ “ยุทธวิธีส้มอาบยาพิษ” ที่เปลือกนอกสวยสดใส แต่ลองได้สัมผัสเพียงผิวเปลือกเคลือบยาพิษที่พร้อมจะเข่นฆ่าผู้คนร่วมชาติอย่างไม่ไยดี กี่ชีวิตแล้วที่ต้องสังเวยเป็นเหยื่อของการสร้างภาพให้ดูเสมือนว่าหวังดี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเยาวชน แกนนำกี่คนต้องติดคุก เสียการเรียน ครอบครัวแตกแยก สร้างรอยร้าวไม่จบสิ้น
โดยแนวร่วมเพจฯเชื่อว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ ทางกลุ่มทะลุวังและพรรคก้าวไกล ได้เตรียมการยั่วยุและให้เกิดการปะทะเพื่อใช้สถานการณ์นี้ ขยายผลเล่น “บทเหยื่อ” ในลักษณะว่าแค่ทำโพลล์ ทำไมถึงผิด ถึงเป็นอันตราย แต่คำถามที่ถามมัน คือ การยั่วยุปลุกปั่นเช่นเดียว กับแนวทางของพรรคก้าวไกลก่อนหน้านี้ ในอีกด้านหนึ่งก็ให้มีชายฉกรรจ์มาพร้อมอาวุธพกมาในที่สาธารณะ และเมื่อมีการปะทะกัน จะมีนักการเมืองของพรรคก้าวไกลออกมารับลูกและเข้าข้างถือหางฝ่ายผู้กระทำการละเมิดสถาบันอีกเช่นเคยโดยเฉพาะในสังคมออนไลน์ ที่เป็นสนามรบที่พรรคก้าวไกลถนัดและลงทุนซื้อสื่อ ซื้อพื้นที่ไว้รอแล้ว
ท้ายที่สุด แนวร่วมเพจฯขอให้คนไทยใช้สติ และตรวจสอบข้อมูลรอบด้าน อย่าปล่อยให้การกระทำของกลุ่มดังกล่าวซึ่งเป็นแนวร่วมของพรรคก้าวไกล กลืนกินจิตวิญญาณของความเป็นคนไทย ทำให้ประเทศไทยต้องเผชิญกับเหตุการณ์นองเลือดและสงครามกลางเมืองเหมือนในอดีต โดยเฉพาะลูกหลานเยาวชนคนรุ่นใหม่ที่กลายเป็นเหยื่อของพรรคการเมืองที่สุดโต่งก้าวร้าวรุนแรง ใช้เสรีภาพเพื่อละเมิดคนอื่นตลอดเวลาแบบที่เป็นอยู่ โดยแนวร่วมเพจฯ และเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรจะยืนเคียงข้างทุกความถูกต้องและเปิดโปงกระชากหน้ากากของพรรคก้าวไกลไม่ให้ทำร้ายประเทศไทยไปมากกว่านี้ไม่ว่าเราจะต้องเผชิญกับภัยคุกคามของพวกเขาอย่างไรก็ตาม
ขอเสริม แนวร่วมเพจวันนี้ก้าวไกลโกหกอะไรว่าที่ก้าวไกลและสมุนบริวาร ตลอดถึงเอ็นจีโอรับเงินต่างชาติ เหิมเกริมอยู่ได้ เพราะมีมหาอำนาจตะวันตกหนุนหลัง ทั้งการเงินและยุทธวิธี ดังนั้น หากรัฐบาลและผู้บังคับใช้กฎหมาย ยังละเลยไม่ดำเนินคดีกลุ่มที่คุกคามสถาบันต่อไป เมื่อถึงวันที่ประชาชนทนไม่ได้ เหตุร้ายจะบานปลายมากกว่าที่เกิดขึ้นที่สถานีรถไฟฟ้าสยาม เมื่อวันที่ 10 มกราคม เป็นร้อยเท่าทวีคูณ ถึงวันนั้นอีแร้งหัวเน่า ก็จะเข้ามาเต็มตัวและประเทศไทยไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
#สุทิน วรรณบวร #ก้าวไกล #ป่วนขบวนเสด็จฯ #ยุบพรรค #กลุ่มทะลุวัง #112
/-/-/