“รทสช.-ภท.” เฉ่งตำรวจต้องกล้างัดไม้แข็ง เพิ่มยาแรงกฎหมายถวายความปลอดภัย “ขบวนเสด็จฯ”

"รทสช.-ภท." เฉ่งตำรวจอย่าอืดอาด ต้องกล้างัดไม้แข็ง เพิ่มยาแรงกฎหมายถวายความปลอดภัย "ขบวนเสด็จฯ" กำราบแก๊งป่วนหยุดตามรังควาน

นับเป็นทำงานเชิงรุกของ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” หรือ “รทสช.” นำโดย “นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์” ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ยื่นญัตติด่วนขอทบทวนมาตรการอารักขาขบวนเสด็จฯโดยอาศัยข้อบังคับการประชุมข้อที่ 50 และ 54 เนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการรบกวน “ขบวนเสด็จฯ” หากไม่รีบแก้ไขหรือบริการจัดการสถานการณ์ อาจลากเหตุการณ์บานปลายจนนำไปสู่ความไม่สงบเรียบร้อยและกระทบความมั่นคงของประเทศ

ทั้งนี้ พรรคยืนยันว่า ไม่ได้มีเจตนาซ้ำเติมให้เกิดความแตกแยก แต่อยากเสนอผ่านรัฐบาลไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยให้เร่งรัดบังคับใช้กฎหมายเพื่อไม่ให้นำไปสู่การปะทะกันระหว่างประชาชน และขอให้ทบทวนระเบียบและมาตรการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการถวายความปลอดภัย เพราะอาจจะมีบางส่วนที่ไม่ได้อัปเดต และควรมีการฝึกซ้อม รวมถึงการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบ เพื่อให้รู้แนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง และ ในการประชุมญัตติด่วนครั้งนี้เป็นเรื่องเปิดเผยไม่มีส่วนไหนเป็นความลับ และ นับเป็นโอกาสดีที่สภาจะได้รับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน และร่วมกันแก้ไขปัญหาโดยเร็ว เพราะเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก

ด้าน “นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์” ในฐานะโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า เหตุการณ์ก่อกวนขบวนเสด็จฯ ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก แต่เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้งแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ฝ่ายความมั่นคง มีการดำเนินการที่ล่าช้า จึงอาจจะทำให้มีปัญหาลุกลาม และมีการปะทะกันกับคนเห็นต่าง

สิ่งสำคัญคือเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการตามกฎหมายอย่างจริงจัง รวดเร็วและรัดกุม รวมถึงรอบคอบ ซึ่งถือเป็นสิ่งที่พรรคเป็นห่วง และ เจ้าหน้าที่ตำรวจคงต้องพิจารณาทบทวนในการดำเนินการในกรณีแบบนี้ ไม่ให้เกิดขึ้นอีก เพราะหากเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการอย่างรวดเร็ว ปัญหาจะไม่บานปลาย เพราะการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา โดยยึดหลักนิติรัฐ เป็นสิ่งที่สำคัญที่เจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องดำเนินการโดยต้องไม่เกรงใจใคร หากทำแบบนี้ทุกฝ่ายจะต้องยอมรับและความสงบจะเกิดขึ้น

ส่วนที่กลุ่มทะลุวังระบุว่าไม่มีคนหนุนหลังนั้น คิดว่าในโลกปัจจุบันนี้เป็นยุคโซเชียลมิเดีย พี่น้องประชาชนรับรู้ได้และตัดสินใจได้ ว่าใครอยู่ในกระบวนการดังกล่าว คิดว่าพี่น้องประชาชนที่ติดตามข่าวสาร ตั้งแต่กระบวนการประกันตัว การอภิปรายในสภา การสัมภาษณ์สื่อ รวมถึงการไปมาหาสู่กัน คิดว่าพี่น้องประชาชนมีดุลพินิจดูว่ากระบวนการดังกล่าวมีที่มาที่ไปอย่างไร และเหตุใดผู้ก่อเหตุกลุ่มนี้มีการกระทำผิดซ้ำซาก และมีหลายครั้งทั้งมาตรา 112 มาตรา 116 หรือกฎหมายฉบับอื่น คิดว่าประชาชนใช้ดุลยพินิจได้ จึงน่าจับตาเป็นอย่างยิ่งว่า วุฒิสภาที่มีแนวคิดจะเสนอให้มีการแก้ไขกฎหมายถวายอารักขา เพื่อเพิ่มโทษเข้าไปในกฎหมายฉบับนี้ด้วย และ หากมีความจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมาย อาจจะมีการพูดคุยและประสานการทำงานร่วมกันผ่านการตั้งคณะทำงานระหว่าง ส.ส. และ ส.ว.เพื่อแก้ไขกฎหมายดังกล่าว

ด้าน “นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึง เหตุการณ์ป่วนขบวนเสด็จฯ ที่เกิดขึ้นได้สร้างความไม่สบายใจให้กับคนไทย และพรรรคภูมิใจไทย เพราะพ่อแม่สอนให้รู้จักผิดชอบชั่วดี รู้ผิดรู้ถูก รู้จักมารยาท และรู้จักพระบรมวงศานุวงศ์ และมั่นใจว่า พ่อแม่ทั่วประเทศสอนลูกหลานตนเช่นกัน และครูอาจารย์ ก็ยังสอนให้รักชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ และการกระทำของเด็กคนดังกล่าว ทำให้เป็นชัยชนะของกลุ่มคนล้มเจ้า และทำให้สังคมสนใจ จนทำให้เกิดความแตกแยกความคิด ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ จึงผิดกฎหมาย และผิดประเพณี จึงฝากผู้ปกครอง ได้แนะนำบุตรหลานของตนเอง และขอให้รัฐบาล เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องบังคับใช้กฎหมาย และทบทวนแผนอารักขาให้ทันสมัย สื่อสารให้ประชาชนเข้าใจ เพื่อถวายความปลอดภัย ให้สมพระเกียรติ

ด้าน “นายคมสัน โพธิ์คง” รองคณบดีคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้นำเสนอว่า เพื่อให้เกิดความปลอดภัย แก่พระบรมวงศานุวงศ์ ไม่ให้เกิดเหตุการณ์คุกคามขบวนเสด็จ และไม่ให้เกิดการทำร้ายกันด้วยการแสดงออกถึงความไม่พอใจนี้อีก สมควรที่รัฐบาลคงต้องมีการแก้ไข “พระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ.2560” ควรใช้บทลงโทษตามกฎหมายอาญา แต่โทษนั้นรุนแรงขึ้นไปตามความสำคัญของบุคคล หากไม่ใช้โทษที่รุนแรง อาจทำให้สังคมเกิดความไม่พอใจ และขณะเดียวกันไม่สามารถป้องปรามผู้แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ได้
และต้องเพิ่มเติมมาตรการเข้าในพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ.2560 ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีอยู่แล้ว และจะเป็นการลดปัญหาของการใช้ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จึงฝากไปยังรัฐบาล โดยเฉพาะ นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. ต้องสังคายานากฎหมายการถวายความปลอดภัยใหม่

#พระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ.2560 #ตำรวจ #ขบวนเสด็จฯ #รทสช. #ภท.

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

สุดทน "พ่อพิการ" ร้อง "กัน จอมพลัง" หลังถูกลูกทรพี ใช้จอบจามหัว-ทำร้ายร่างกาย จนนอน รพ.นับเดือน
สลด กระบะชนจยย.พลิกคว่ำตก "ดอยโป่งแยง" เชียงใหม่ เจ็บตายรวม 13 ราย
“สมศักดิ์” ยกนวดไทยเป็นมรดกชาติ สร้างมูลค่าเศรษฐกิจสุขภาพ เล็งพาหมอนวดโกอินเตอร์ โชว์ฝีมืองาน เวิลด์เอ็กซ์โปโอซาก้า ญี่ปุ่น
ห่ามาแล้ว! “แม่สอด” พบติดเชื้ออหิวาต์ เผยญาติฝั่งพม่าซื้อข้าวมากินด้วยกัน
ผกก.สภ.รัตนาธิเบศร์ สั่งตั้งคกก.สอบ "ตร.จราจร" รีดเงินแทนเขียนใบสั่ง
สตม. บุกทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ กลางคอนโดหรูห้วยขวาง รวบ 6 คนจีน อึ้งเจอซิมการ์ด 2 แสนซิม
ครูบาอริยชาติ เชิญชวนพุทธศาสนิกชน ฉลองสมโภช 18 ปีวัดแสงแก้วโพธิญาณ และทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคล 44 ปี
กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา "ชวาล" ส.ส.พรรคประชาชน ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ โทษคุก-ตัดสิทธิเลือกตั้ง 5 ปี
จีนเตือนสหรัฐกำลังเล่นกับไฟหลังส่งอาวุธให้ไต้หวัน
อิลอน มัสก์วิจารณ์แรงผู้นำเยอรมันเหตุโจมตีตลาดคริสต์มาส

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น