ข่าวที่น่าสนใจ
ก่อนเกิดเหตุปรากฎข้อเท็จจริงว่า ระหว่างวันที่ 18 ตุลาคม 2565 ถึง 28 มีนาคม 2566 นางนิภาพร โอนเงินจากต่างประเทศมาให้นายบังเอิญ จำนวน 13 ครั้ง รวมเป็นเงิน 70,200 บาท โดยในวันเกิดเหตุ วันที่ 28 มีนาคม 66 มีการโอนเงินมาจำนวน 5 พันบาท ตรวจสอบประวัติแล้วนายบังเอิญ ไม่ได้ประกอบอาชีพที่เป็นการค้ากับต่างประเทศ สถานะไม่มีเงิน ดำรงชีพโดยไม่ทราบที่มาของรายได้ และค้างค่าเช่าห้องที่ จ.ขอนแก่น โดยนายบังเอิญ บอกกับเจ้าของห้องพักว่า จะขอไปทำงานที่กรุงเทพซัก 2-3 วัน แล้วจะนำเงินมาจ่ายค่าเช่าห้อง ซึ่งพบว่าก่อนเกิดเหตุ ได้มีการโอนเงินจาก นางนิภาพร มาให้เป็นเงินจำนวน 5 พันบาท แล้วนายบังเอิญ ก็ได้โอนเงินไปจ่ายค่าเช่าห้องเรียบร้อย ตรวจสอบพบว่านายบังเอิญ ไม่ได้มาทำงานอะไรที่กรุงเทพฯ นอกจากมาพ่นสีที่กำแพงพระบรมหาราชวัง แสดงให้เห็นว่าการโอนเงินของ น.ส.นิภาพร เป็นการโอนเงินมา เพื่อเป็นแรงจูงใจในการกระทำผิด
ประกอบกับหลังการก่อเหตุ เมื่อเปรียบเทียบเวลาของประเทศไทยกับประเทศแคนาดา พบว่า ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืน การที่นางนิภาพร โพสต์และแชร์ในเวลาใกล้เคียงกับเวลาที่เกิดเหตุทันต่อสถานการณ์ แสดงให้เห็นว่า นางนิภาพร รู้มาก่อนแล้วว่านายบังเอิญจะมาก่อเหตุ และเฝ้าติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา และหลังจากเกิดเหตุแล้ว นางนิภาร ก็เป็นผู้ได้ประโยชน์จากการนำภาพ หรือข้อมูลไปเผยแพร่ในสื่อโซเชียล
อย่างไรก็ตาม เมื่อประมาณ 10 เดือนที่แล้ว โลกออนไลน์มีการแชร์คลิปพ่อแม่และญาติ ของบังเอิญ นำดอกไม้ธูปเทียนมากราบไหว้สำนึกผิด พร้อมกล่าวว่า ยอมรับข้อกฏหมายในการกระทำความผิดของลูกชาย โดยพ่อและแม่เคารพพระแก้วมรกต สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของปวงชนชาวไทย จึงมากราบขอขมาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พร้อมขอรับผิดในสิ่งที่ลูกชายได้กระทำลงไป ขอได้โปรดเมตตาอโหสิกรรมให้ลูกให้หลาน ในการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งได้รับการการชักจูงจากกลุ่มการเมืองที่คิดต่าง ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่า ทางครอบครัวยึดมั่นในความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
