นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีกลุ่มภาคีราชภักดิ์ นำโดย เต้ อาชีวะ เรียกร้องให้สอบจริยธรรมว่าทำผิดข้อบังคับสภาหรือไม่ ภายหลังนำภาพของกลุ่มมาอภิปรายในญัญติมาตรการอารักขาขบวนเสด็จ ว่า ตนยินดี แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าผู้ร้อง ไม่ได้มีสิทธิ์แค่ร้องผู้อื่น แต่ต้องรับผิดชอบในคำร้องเช่นเดียวกัน และยืนยันว่า ตนไม่ได้ตัดต่อภาพใดๆ และการนำภาพขึ้นที่ประชุมสภาก็ผ่านคณะกรรมการในการพิจารณา และอนุมัติ โดยนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุมอยู่แล้ว ซึ่งถ้าเราไปดูกฎหมาย PDPA ก็ไม่ได้บังคับมาถึงการทำหน้าที่ในสภา เพราะการทำหน้าที่ในสภาได้รับการยกเว้น ซึ่งตนไม่ได้เป็นห่วงในเรื่องอะไร ถ้าจะร้องก็ร้องได้ ตนยินดี แต่อย่าลืมว่า ผู้ร้องก็จะมีภาระหน้าที่ทางกฎหมายเช่นเดียวกัน ยืนยันว่า ตนทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น ปรากฏตามข้อมูลโดยที่ไม่ได้ตัดต่อหรือปลอมแปลง
ส่วนที่กลุ่มภาคีฯ นำภาพการปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสมัยเป็นนักศึกษาในช่วงการชุมนุมเมื่อปี 57 และกล่าวว่าใช้ความรุนแรงเหมือนกัน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า วันนั้นเป็นวันที่กลุ่มนิสิตนักศึกษาตกกันว่ามีการชุมนุมด้านหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร ซึ่งเราตั้งใจว่าจะชุมนุมเพียงแค่ 15 นาที โดยจะไม่พูดอะไรเลย และหลังจาก 15 นาที จะพูดอะไรก็ได้ที่สะท้อนจิตใจของพวกเรา ตนมั่นใจว่าการชุมนุมในตอนนั้น ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือขัดขวางการจราจร แต่ไม่มีใครเดือดร้อนทั้งสิ้น สิ่งที่เกิดขึ้นในเวลาประมาณ 18.00 น. มีการเข้าสลายการชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่เข้าจับกลุ่มผู้ที่ไปชุมนุมนายเวลานั้นส่วนใหญ่เป็นนิสิตนักศึกษา
“หนึ่งในคน ที่ผมรู้จัก ผมยังจำภาพได้ตอนนั้น เขาคิดว่าการชุมนุมทำได้ตามกฎหมาย และการจับกุมเป็นการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะภาพที่เกิดขึ้นเขาไม่ได้ทำอะไรเลย อยู่ๆ เขาก็โดนจับ และเขาก็ปฏิบัติตามที่เขาเชื่อ ว่าเจ้าหน้าที่กระทำโดยไม่ชอบ สิ่งที่เกิดขึ้น ทหาร เอา ว.ดำ (ว.สื่อสาร) ทุบไปที่มือ เพื่อให้เขาปล่อยไม้ที่เกาะเอาไว่า เขาไม่ได้ไปทำอะไรใคร” นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ปกติถ้าเราเห็นว่าการกระทำไม่ชอบด้วยกฎหมาย เราสามารถป้องกันตนเองได้ ดังนั้น ถ้าหากไปดูภาพวีดีโอทั้งหมด จะพบว่า ตนก็เกาะแขนกับเพื่อนๆ และพยายามเดินไปช่วย ไม่ได้ไปทำร้ายหรือลงมือ เราแค่ต้องการไปหาเพื่อนที่ถูกจับไปแล้ว