“นายกฯ” ดูการค้าชายแดน ลั่นต้องเปลี่ยน “นครพนม” เมืองรองเป็นเมืองหลักให้ได้

โดยช่วงหนึ่งนายกรัฐมนตรี ได้แสดงความห่วงใย หลังรับฟังรายงานจากธนารักษ์พื้นที่นครพนม เรื่อง การจัดทำสัญญาเช่าพิเศษกับบริษัท เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) ผู้ได้รับสิทธิพัฒนาฯ พื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ ตั้งแต่ปี 62 แต่ปัจจุบัน บริษัทฯ ยังไม่ได้เข้าดำเนินการพัฒนาในพื้นที่ เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 จึงมีผลขาดทุนสะสม

ทั้งนี้หลังรับฟังรายงานนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า กรณีที่บริษัทเอกชน ทำสัญญาเช่าพิเศษในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม 1,700ไร่ แต่ผ่านมา 4ปี กลับไม่สามารถเข้าไปดำเนินโครงการได้ ซึ่งการค้างเงิน ค่าเช่าไม่ใช่ปัญหา แต่ผ่านช่วงโควิด-19 มา 2 ปีแล้ว แต่ไม่มีการลงทุนในพื้นที่ หากทำไม่ได้ก็ให้ยกเลิกสัญญาไป แล้วหาผู้ประกอบการรายใหม่ ส่วนเรื่องหนี้ที่ค้างชำระไม่ใช่ปัญหาแต่อยากให้เกิดการลงทุนโครงการต่างๆ ในจังหวัดนครพนมมากกว่า

นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า เคยมาที่นี่ตั้งแต่ก่อนเป็นรัฐบาลก็ได้มาหลายครั้ง วันนี้มีข้อมูลที่แน่นมากได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ และจะผลักดันนครพนมที่เป็นเมืองรองชั้นกลางให้เป็นเมืองหลักให้ได้ และประวัติศาสตร์อันยาวนานของนครพนมเป็นพื้นที่ของคอมมิวนิสต์ความเปราะบางในการเป็นสมรภูมิรบจึงให้ความสำคัญ

โดยจังหวัดนครพนมมีความสำคัญทางสงครามและปัจจุบันก็เป็นพื้นที่สันติภาพ จึงอยากให้คนไทยรักษา และประคับประคองสันติภาพความสงบสุขในประเทศ และนอกประเทศ รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นหัวใจสำคัญทำให้เกิดการพัฒนาความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นความเป็นอยู่พื้นฐาน หรือเศรษฐกิจจึงอยากให้ทุกคนใส่ใจว่าเรามีประวัติศาสตร์อันยาวนานมีความเจริญอยู่ได้เพราะสันติสุขหลายคนก็อาจจะไม่เคยประสบปัญหา แต่เชื่อว่าคนที่อยู่ในสังคมไทยมานานรับรู้และผ่านเรื่องนี้มาได้ให้ความใส่ใจ

ส่วนปัญหาเรื่องสันติภาพต่างๆ คนไทยปัจจุบันถือเป็นของตายไปแล้ว หากไม่มีสันติภาพการค้าการลงทุนก็จะไม่เกิดขึ้น หลายเรื่องที่รับฟังรายงานวันนี้ ซึ่งหลายเรื่องก็มีปัญหามานาน แต่ก็อยากให้มีโครงการ และอยากให้มีโอกาสที่จะทำให้นครพนมจากเมืองรองชั้นนำเป็นเมืองหลักให้ได้ ทั้งการขนถ่ายสินค้า