ชักแถวถล่ม “กกต. – ปปช.” เตะถ่วงปิดจ็อบ “ก้าวไกล” ยุบพรรคฟันจริยธรรมปล่อยให้ “ขบถ” ลอยนวล

ชักแถวถล่มยับ "กกต. - ปปช." เตะถ่วงปิดจ็อบ "ก้าวไกล" ยุบพรรคฟันจริยธรรมปล่อยให้ "ขบถ" ลอยนวล จี้ฝ่ายมั่นคงเด็ดปีก "แอมเนสตี้" รับเงินต่างชาติหนุนหลังขบวนการล้มสถาบัน

ชักแถวกันออกมาถล่มยับ “คณะกรรมการการเลือกตั้ง” หรือ “กกต.” และ “คณะกรรมการป้องกันและปรามปรามการทุจริตแห่งชาติ” หรือ “ปปช.” เตะถ่วงไม่ยอมปิดจ็อบยุบ “พรรคก้าวไกล” เสียทีจนต้องทำให้ “นายณฐพร โตประยูร” อดีตที่ปรึกษาประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ออกมากระทุ้ง ผมมีคำถามถึง นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า มีพรรคการเมืองและนักการเมือง “ล้มล้างการปกครอง” แต่ทำไมรัฐและเจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ดำเนินการใดๆ ปล่อยให้กลุ่มบุคคลพวกนี้รับเงินเดือนจากภาษีของประชาชน และยังทำหน้าที่ สส.ทั้งที่ข้อหา “ล้มล้างการปกครอง” เป็นเรื่องอุกฉกรรจ์ ที่ ศาลรัฐธรรมนูญ มีข้อเท็จจริง พยานหลักฐาน ตัวบุคคลที่กระทำความผิดครบถ้วน เพียงแต่หน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักตำรวจแห่งชาติ คณะกรรมการ ปปช. กกต. นำสำนวนของศาลมาดำเนินการบังคับใช้กฏหมายตามหน้าที่กับผู้กระทำความผิดตามรัฐธรรมนูญที่เป็นกฎหมายสูงสุด มาตรา 211 วรรคท้าย ว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นเด็ดขาด มีผลผูกพัน รัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระ และหน่วยงานของรัฐ แต่รัฐกลับไม่ดำเนินการใดๆ ผมจึงมีคำถามว่า ทำไมรัฐจึงไม่ดำเนินคดีตามที่ศาลมีคำวินิจฉัย และยังปล่อยให้พวก “ขบถลอยนวล”

ขณะที่ “นายสมชาย แสวงการ” สมาชิกวุฒิสภา โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่าด้วยว่า สถานีต่อไปของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ และก้าวไกล คือ ยุบพรรค ผิดจริยธรรมร้ายแรง และ จดหมายพิธาพยานชิ้นเอก เนื่องจาก ความเสี่ยงที่ตามมาหลังคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ 31 มกราคม 2567 มีมติเอกฉันท์ว่าการกระทำของนายพิธาและพรรคก้าวไกล เป็นการล้มล้างการปกครอง กกต.ต้องส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 10 ปี ตามพรบ.ประกอบรัฐธรรมนูญพรรคการเมืองมาตรา 92 และศาลรัฐธรรมนูญที่มีคำวินิจฉัยไว้ชัดเจนเรื่องความผิดล้มล้างการปกครอง ย่อมต้องมีมติให้ยุบพรรคไปตามคำวินิจฉัยที่มีไว้

ขณะที่ ป.ป.ช ต้องไต่สวนและมีมติชี้มูลความผิดต่อพิธาและสส. ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างแก้ไขมาตรา 112 ไปศาลฎีกานักการเมืองเพื่อพิพากษาข้อหาผิดจริยธรรมร้ายแรงและตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต จากเดิมสส.ที่ร่วมลงชื่อยังมีโอกาสลุ้นสู้คดี 50/50 แต่จากกรณีจดหมายนายพิธา ถึงตะวันและแบม เมื่อ28 ม.ค.66 อาจกลายเป็นเอกสารพยานหลักฐานสำคัญมัดตัวหลายเรื่องที่จะทำให้พิธาและพวกถูกดำเนินคดีหนักขึ้นและถูกตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตได้ เพราะเนื้อหาในจดหมายจากนายพิธาในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้นทำให้เห็นการกระทำการทั้งในและนอกสภาในการให้การสนับสนุนการยกเลิกมาตรา 112 และอาจบ่งบอกถึงการสนับสนุนทางความคิด การผลักดันในการเคลื่อนไหวร่วมกันของพรรคและขบวนการ ทำให้เห็นความสุ่มเสี่ยงในอนาคตทางการเมืองของนายพิธา และพวกที่ค่อนข้างมืดมน ในการถูกดำเนินคดีเพิ่มหลังถูกยุบพรรคและตัดสิทธิ์ทางการเมืองตลอดชีวิต

ด้าน “น.พ.วรงค์ เดจกิจวิกรม” หัวหน้าพรรคไทยภักดี กล่าวว่า พี่น้องคงจำได้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีเหตุการณ์ใหญ่ๆที่ผ่านมา เหตุการณ์แรกคือการ ที่ “ตะวัน ทะลุวัง” ไปบีบแตร ใส่ขบวนเสด็จ และ การที่ตะวันไปจัดโพลที่สยามเกี่ยวกับเรื่องขบวนเสด็จ พฤติกรรมที่จาบจ้วงนี้ทำให้พี่น้องที่มีความจงรักภักดีไม่พอใจ แต่อยากให้เข้าใจว่าการกระทำของ ตะวัน ที่พี่น้องเห็นนั้นเป็นเพียงยอดน้ำแข็งของ ขบวนการล้มล้างการปกครอง เราต้องไม่ปฏิเสธเรื่องล้มล้างการปกครองโดยใช้สิทธิเสรีภาพ สิ่งเหล่านี้ทำงานเป็นขบวนการ โดยมี NGO ต่างชาติให้เงินสนับสนุนในการดำเนินการ ล้มล้างระบอบประชาธิปไตยโดยมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พี่น้อง อย่ามองว่าเป็นการจาบจ้วงเฉยๆ กลุ่มคนเหล่านี้จะมีมาเรื่อยๆ ทั้งที่มีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญแล้ว จนกระทั่งมีพรรคการเมืองนึง คือพรรคก้าวไกล พูดได้เลยเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นจริง ได้มีการเสนอยัตติแก้ไขมาตรา 112 แต่ความจริงคือการยกเลิก และศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำวินิจฉัยอีก ซึ่งเป็นคำวินิจฉัยในวันที่ 31 มกราคม 2567 แสดงให้เห็นว่า นายพิธาและพรรคก้าวไกลใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง พี่น้องเห็นไหมครับว่า การกระทำของคณะบุคคลร่วมกับพรรคการเมือง จบด้วยวินัจฉัยรัฐธรรมนูญเหมือนกันเลย นี่แหละครับการใช้สิทธิเสรีภาพในการล้มล้างการปกครอง วันนี้เลยอยากเรียนพี่น้องและเพื่อนที่อยู่ในสภาผู้แทนราษฎร ว่าตะโกนดังๆไปเลยว่าประเทศไทยกำลังเผชิญกับขบวนการล้มล้างการปกครอง อีกทั้งวันนั้นผมให้สัมภาษณ์กับสื่อไม่ผิดเลยครับ ว่าสุดท้ายแล้วทนายที่มาขับเคลื่อนในเหตุการณ์ล่าสุดของ “ตะวัน” นี้ก็ต้องเป็นทนายจากศูนย์ทนายความเพื่อพิทักษ์สิทธิมนุษยชน แล้วก็เป็นจริงๆ ครับ เป็น “นาย อานนท์ นำภา” โดยอ้างเรื่องสิทธิเสรีภาพ แต่ดูจากการกระทำแล้วคือการก้าวล่วงคุกคามการเมืองในประเทศไทย สิ่งที่อยากกลับไปถามยังรัฐบาลหลายๆชุด และเจ้าหน้าที่ความมั่นคง โดยเฉพาะตำรวจ ท่านปล่อยให้ NGO ที่รับเงินจากต่างประเทศให้เข้ามาแทรกแซงการเมืองไทยได้อย่างไร ผมรู้คนไทยลืมง่าย แต่พี่น้องรอดูอีกสักเดือนเดี๋ยว “แอมเนสตี้ อินเตอเนชั่นแนล” จะออกมาเรียกร้องว่า ประเทศไทยรังแกเยาวชน ปิดปากสิทธิเสรีภาพ มันเป็นสูตรสำเร็จแบบนี้ครับ

#คดีล้มล้างการปกครอง #พรรคก้าวไกล #112 #ยุบพรรค #กกต. #ปปช.#ส.ว.

/-/-/

ข่าวที่น่าสนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ข่าวล่าสุด

ชาวบ้านบุกรุกพื้นที่อุทยานขุดพรุน 14 ไร่ หาแร่ทองคำล้ำค่า เจ้าหน้าที่บุกจับแจ้ง 6 ข้อหาอ่วม
“ณัฐวุฒิ” ไม่เชื่อมีม็อบใหญ่ไล่รัฐบาล หยันหากมีก็แค่ ‘กองเชียร์ส้ม’ ในคราบอนุรักษ์นิยม
“ทนายสายหยุด” หน้าชา! “ทนายเดชา” ซัดคบไม่ได้-ขายลูกความ ไม่เชื่อ “ทนายตั้ม” ค้านประกันเมีย
รองพ่อเมืองกรุงเก่า ร่วมงานวิ่ง 'CPF & KASETPHAND RUN FOR CHARITY 2024' มอบรายได้แก่ 4 โรงพยาบาล ใน จ.พระนครศรีอยุธยา
ซีพีเอฟ คว้า 2 รางวัล Excellence Awards 2024 เป็นเลิศด้านการตลาด-ด้านสินค้าและบริการ
ดีเอสไอ คุมตัว ‘สามารถ-แม่’ ยื่นฝากขังอศาลอาญา ด้านแม่ ตะโกนร้องขอความเป็นธรรม ลั่นถูกกลั่นแกล้ง
สุดชื่นมื่น จัดงานวิวาห์ LGBTQ สวมใส่ชุดผ้าพื้นเมืองที่ตัดเย็บกันเองจากความรัก
ฟ้าเปิด น้องรดาข้าวไข่เจียว 15 บาท ขอบคุณผู้ใหญ่ใจดีทุกท่านที่สนับสนุน ทั้งมอบทุนการศึกษาและเหมาข้าวไข่เจียวสัญญาจะตั้งใจเรียนหนังสือไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังที่ช่วย
"ออกแบบ ชุติมณฑน์" คว้ารางวัลนำหญิงยอดเยี่ยม International Emmy Awards
กองเรือยุทธการ ต้อนรับ ทัพเรือรัสเซีย

ดู LIVE รายการ

X

เราใช้ คุ้กกี้ เพื่อให้ทุกคนได้ประสบการณ์การใช้งานที่ดียิ่งขึ้น